Last updated: 4 พ.ย. 2562 | 1590 จำนวนผู้เข้าชม |
คุณปรีชา นินาทเกียรติกุล ผู้จัดการทั่วไป มินิ ประเทศไทย กล่าวว่า “กิจกรรม Track Days ที่เราจัดขึ้นอย่างเอ็กซ์คลูซีฟในครั้งนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าและสื่อมวลชนได้สัมผัสความแรงเต็มอัตราในแบบฉบับรถแข่งโกคาร์ท อันเป็นเอกลักษณ์ของจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ กันอย่างใกล้ชิด ซึ่งทั้งพลังขับเคลื่อน ระบบช่วงล่าง และชุด aerodynamics ต่างได้รับการออกแบบมาเพื่อเติมเต็มสมรรถนะความสปอร์ตได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ว่าจะเป็นบนท้องถนนหรือในสนามแข่ง และในวันนี้ เราก็สามารถมอบประสบการณ์ความแรงในตำนานและความเพลิดเพลินในการขับขี่จากสมาชิกของตระกูลจอห์น
คูเปอร์ เวิร์คส์ อย่างพร้อมหน้า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลายหลาย ด้วยเอกลักษณ์มินิพันธุ์แท้อย่างมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์ ความคล่องตัวที่ตอบสนองทุกการใช้งานอย่างมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คลับแมน หรือจะพร้อมลุยทุกการผจญภัยไปกับมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน รวมทั้งสมาชิกใหม่ล่าสุดของเรา มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ที่พกพาความสนุกสนานไปได้ในทุกจุดหมาย”
สะกดทุกสายตา สนุกทุกเส้นทาง กับมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ใหม่
ราคาจำหน่าย 3,468,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ MSI Standard)
หลังจากที่ได้เผยโฉม มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์ 3 ประตู ไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มินิ ประเทศไทยกลับมาพร้อมมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ใหม่ เสริมความแรงอย่างต่อเนื่อง โดยผสานเครื่องยนต์ทรงพลังและระบบช่วงล่างที่ได้รับการออกแบบมาอย่างเทียบชั้นกับรถแข่ง เข้ากันอย่างลงตัวกับดีไซน์สปอร์ตและชุดแต่งที่โดดเด่นสะกดทุกสายตา สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เหนือระดับกว่ารุ่นอื่น ๆ ในเซกเมนต์ด้วยสมรรถนะปราดเปรียวและรูปลักษณ์สุดคลาสสิกของมินิ
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดของมินิ ด้วยเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะแบบสปอร์ต ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร ให้พละกำลังที่ 170 กิโลวัตต์ / 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.5 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เสริมสมรรถนะการขับเคลื่อนด้วยระบบท่อไอเสียแบบสปอร์ต ที่มอบพลังเสียงเร้าใจยิ่งขึ้นเมื่อขับขี่แบบเปิดประทุน
อีกหนึ่งไฮไลท์อันโดดเด่นของมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ใหม่คือหลังคาผ้าแบบอัตโนมัติ ที่สามารถเปิด-ปิดได้อย่างไร้เสียงด้วยระบบไฟฟ้า และยังได้รับการปรับปรุงให้สามารถลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้มากขึ้นอีกด้วย โดยการเปิด-ปิดหลังคาสามารถทำงานด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว และใช้เวลาในการเปิด-ปิดเพียงแค่ 18 วินาที ขณะขับขี่ที่ความเร็วสูงสุด 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งยังมาพร้อมฟังก์ชั่นสำหรับเลื่อนเปิดหลังคาเฉพาะส่วนหน้าได้มากสุดถึง 40 เซนติเมตร โดยไม่จำกัดความเร็วขณะขับขี่
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ใหม่ ยังพกขีดสุดแห่งความคล่องตัวและความแม่นยำในการเข้าโค้ง ด้วยการติดตั้งระบบช่วงล่างที่สามารถปรับสภาพตามรูปแบบการขับขี่ (Adaptive Suspension) และชุดเบรกแบบสปอร์ตมาเป็นอุปกรณ์พื้นฐาน รวมทั้งโครงสร้างตัวถังที่เสริมความแข็งแกร่งเป็นพิเศษเฉพาะสำหรับรุ่นคอนเวิร์ตทิเบิล พร้อมชุดแต่ง aerodynamics จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ เต็มรูปแบบ และล้ออัลลอยลาย John Cooper Works Cup Spoke 2-tone ขนาด 18 นิ้ว ที่เสริมลุคสปอร์ตอันทรงพลังให้แก่มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล เจเนอเรชั่นใหม่นี้ นอกจากนี้ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ใหม่ ยังได้มีการปรับโฉมใหม่เช่นเดียวกับรถยนต์มินิรุ่นอื่น ๆ เพื่อยกระดับคาแรคเตอร์และเสน่ห์ของรถยนต์สัญชาติอังกฤษที่เด่นชัดยิ่งขึ้น โฉบเฉี่ยวด้วยรูปทรงและเส้นไฟ LED ลายธงยูเนียน แจ็คแห่ง
สหราชอาณาจักร โดยไฟเบรกจะใช้เส้นแนวตั้ง ส่วนไฟเลี้ยวจะเป็นเส้นแนวนอนกึ่งกลาง และไฟท้ายจะเปิดเป็นเส้นแนวทะแยง ส่วนไฟหน้าล่าสุดมาพร้อมกับเทคโนโลยี Adaptive LED ที่ทำงานร่วมกับ Matrix light ยกระดับทัศนวิสัยในการขับขี่ด้วยการใช้ระบบกล้องหน้ารถตรวจจับหารถยนต์คันอื่นที่ขับสวนมา เพื่อหลีกเลี่ยงการยิงไฟสูงใส่ผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ในขณะที่ยังคงส่องสว่างส่วนอื่น ๆ ของท้องถนน เพิ่มความปลอดภัยสำหรับทั้งผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทาง และอีกหนึ่งตัวช่วยที่อำนวยความสะดวกและทำให้การจอดรถของคุณง่ายขึ้นด้วยกล้องมองหลังผ่านจอแสดงผลด้านหน้า
สำหรับภายในตัวรถ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ใหม่ยังคงมอบความรู้สึกสปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหนังแท้ แป้นเบรก คันเร่ง และที่พักเท้าสแตนเลส สตีล มือจับประตูและที่หุ้มเกียร์ รวมทั้งเพดานห้องโดยสารสีดำ anthracite ในสไตล์จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ และยังให้ความสนุกสนานในทุกการขับขี่ด้วยพลังเสียงจากลำโพง Harman Kardon HiFi ถึง 12 ตัว พร้อมจอระบบสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว และเทคโนโลยีเชื่อมต่อ MINI Connected เพื่อการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดกับสมาร์ทโฟน
มินิยังนำเทคโนโลยีล่าสุดอย่างแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charging) มาติดตั้งไว้ยังบริเวณช่องในที่วางแขนกึ่งกลางตัวรถ โดยสามารถวางโทรศัพท์รุ่นที่รองรับระบบการชาร์จไร้สายบนแท่นเพื่อชาร์จได้เลย นอกจากนี้ยังมีพอร์ต USB เพิ่มเติมอีก 2 ช่องที่คอนโซลหน้ารถอีกด้ว
โลดแล่นผ่านทุกขีดจำกัดด้วยมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์
นอกจากนี้ สมาชิกรุ่นอื่น ๆ ในตระกูลจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ยังได้มาร่วมปลดปล่อยสมรรถนะเร้าใจบนสนามแข่งใน MINI John Cooper Works Track Days เช่นกัน
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์ โลดแล่นด้วยเครื่องยนต์ทรงพลังเช่นเดียวกับ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์
คอนเวิร์ตทิเบิล ใหม่ ในรูปลักษณ์แฮทช์ 3 ประตูสุดคลาสสิกที่ก้าวข้ามผ่านกาลเวลาของมินิ อันได้รับแรงบันดาลใจมาจากโลกแห่งมอเตอร์สปอร์ต สะดุดตาด้วยชุดแต่งในตระกูลจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ขนานแท้ โดดเด่นด้วยเส้นสายสีแดงบนตัวรถ และการตกแต่งภายในห้องโดยสารที่ดีไซน์มาเพื่อมอบความรู้สึกของรถแข่งอย่างแท้จริง โดยโครงสร้างน้ำหนักเบาและชุด aerodynamics ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี ช่วยให้มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์สามารถทะยานจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรภายใน 6.1 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 246 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นอกจากนี้ สื่อมวลชนและลูกค้ามินิยังได้สัมผัส มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน อีกหนึ่งรุ่นที่ให้ความคลาสสิกของ ‘go-kart-feeling’ ตามแบบฉบับมินิ ในฐานะสมาชิกในตระกูลจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ที่ใหญ่ที่สุด พร้อมโชว์ความปราดเปรียวบนทุกสภาพเส้นทาง และ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คลับแมน ที่ผสานการใช้งานอเนกประสงค์ในชีวิตประจำวันเข้ากับความสะดวกสบายเหนือระดับในสมรรถนะแบบสปอร์ต โดยทั้งสองรุ่นนี้ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ในเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้พละกำลังเช่นเดียวกับมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์ และมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ที่ 170 กิโลวัตต์ / 231 แรงม้า แต่เพิ่มแรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตันเมตร เพื่อมิติแห่งการขับขี่บนท้องถนนที่ตอบรับทุกความต้องการมากยิ่งขึ้น
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน เป็นมินิรุ่นที่มีความจุสัมภาระสูงสุด เทียบเท่ากับมินิ คันทรีแมนรุ่นปกติ โดยมีความจุได้สูงสุดถึง 1,390 ลิตร พร้อมลุยทุกการผจญภัยด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL4 ที่มอบความแม่นยำและการตอบสนองที่ฉับไวในทุกสภาวะการขับขี่และทุกสภาพอากาศ ไม่ว่าจะเป็นการลัดเลาะตามทางคดเคี้ยวท่ามกลางสายฝน หรือการผจญภัยในป่า โดยสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรได้ภายใน 6.5 วินาทีบนท้องถน
ส่วน มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คลับแมน พกพาทั้งความสนุกสนานและความอเนกประสงค์ มาพร้อมช่องเก็บสัมภาระขนาด 1,250 ลิตร ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL4 และส่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรภายใน 6.3 วินาที นอกจากนี้ ห้องโดยสารยังปลอดโปร่งด้วยหลังคากระจกแบบ panorama และเติมเต็มลุคสปอร์ตสุดขั้วด้วยชุดแต่งภายในสไตล์จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์
ทั้งมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน และมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คลับแมน มาพร้อมล้ออัลลอย John Cooper Works Course Spoke 2-tone ขนาด 19 นิ้ว และจอระบบสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว รวมทั้งเทคโนโลยีล้ำสมัยให้ผู้ขับขี่ได้เชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดด้วยบริการจาก MINI Connecte
นอกจากนี้ รถยนต์มินิในตระกูลจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ยังให้ผู้ขับขี่ได้โลดแล่นอย่างอุ่นใจด้วยโปรแกรม MINI Service Inclusive (MSI) ให้เลือกสรรตามความต้องการ ด้วยแพ็คเกจเริ่มต้น MSI Standard ที่ครอบคลุมระยะการบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม. และรับประกัน 3 ปีไม่จำกัดระยะทาง
ติดตามข่าวสารและกิจกรรมของมินิ ประเทศไทย ได้ที่เฟซบุ๊ค แฟนเพจ www.facebook.com/MINI.Thailand หรือติดต่อ MINI Contact Center ได้ที่ 1-401-269-269
# # #
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, โรลส์-รอยซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยมีเครือข่ายการผลิต 30 แห่งใน 14 ประเทศ อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก
ในปี พ.ศ 2560 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์ 2,463,500 ล้านคัน และมอเตอร์ไซค์กว่า 164,000 คันทั่วโลก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีพนักงานทั้งหมด 124,729 คนทั่วโลก
ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นสาขาของ BMW AG ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม2541 ประกอบด้วย สามบริษัท ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการขายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยู และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านบริการทางการเงินสำหรับผู้จำหน่ายรถยนต์และลูกค้าบุคคล
ในปี 2560 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประสบความสำเร็จเป็นประวัติการณ์ด้วยยอดส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ จำนวน 11,030 คัน ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคม ปี 2560 ซึ่งสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 39% และถือเป็นยอดขายระดับ 5 หลักครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัท ด้านบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ก็สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดส่งมอบรถมอเตอร์ไซค์ทั้งสิ้น 2,001 คัน โตขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ด้วยสถิติดังกล่าว ทำให้ปี 2560 เป็นปีที่ประสบความสำเร็จที่สุดของทั้งสามแบรนด์ภายใต้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ที่สร้างยอดการเติบโตที่ 43% นับว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับยอดขายบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลก
ในด้านการผลิต โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบีเอ็ม ดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็ม ดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียนที่ผ่านมานอกจากนี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู 31 แห่ง ใน 14 ประเทศทั่วโลก
ณ ปี พ.ศ. 2560 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถประกอบรถยนต์รุ่นต่างๆ ทั้งหมด 17 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 1 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 Gran Turismo บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู X1 บีเอ็มดับเบิลยู X3 บีเอ็มดับเบิลยู X4 และบีเอ็มดับเบิลยู X5 สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 800 R บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 700 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR และ บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังขยายสายการประกอบรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด 4 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยู 530e บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู 740Le
ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2559 เป็นต้นมา บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังพัฒนาศักยภาพในการประกอบรถยนต์เพื่อรองรับการส่งออกรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู X5 และ บีเอ็มดับเบิลยู X3 สู่ตลาดในประเทศจีนอีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
1-800-269-269
www.bmw.co.th
www.mini.co.th
www.bmw-motorrad.co.th
สื่อมวลชนติดต่อ บริษัท คาร์ลบายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์
สุธาทิพย์ บุญแสง (08-7685-1695 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 102)
ธรธวัช ทองแนบ (08-3225-4567 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 206)
พิชานัน ทูลกำธรชัย (08-5157-7557 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 101)
นลินุตม์ ศิริสมบัติ (08-6977-7881 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 155)
sboonsaeng@carlbyoir.com, tthongnab@carlbyoir.com, ptoonkamthornchai@carlbyoir.com, nsirisombut@carlbyoir.com