Last updated: 4 พ.ย. 2562 | 1058 จำนวนผู้เข้าชม |
ครั้งแรกกับมหกรรม MINI Expo 2018 ยกทัพมินิมาครบครันทั้งตระกูล พร้อมเปิดตัวมินิ คันทรีแมน รุ่นล่าสุดในสเปคใหม่ พร้อมราคาใหม่ที่
เย้ายวนใจยิ่งกว่าเดิม
มินิ ประเทศไทย นำโดย คุณปรีชา นินาทเกียรติกุล (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้จัดการทั่วไป และ มร. คริสเตียน วิดมานน์ (ที่ 3 จากซ้าย) ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย แถลงข่าวการจัดงาน MINI Expo 2018 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 16-19 สิงหาคม 2561 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมี คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และ คุณเยาวพาณี เพชรเพ็ง
ที่ 1 จากซ้าย) ผู้จัดการฝ่ายวางแผนการขายและผลิตภัณฑ์ มินิ ประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวครั้งนี้ ณ ร้าน Quaint Bangkok สุขุมวิท 61
กรุงเทพฯ. มินิ ประเทศไทย พร้อมสร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างสมรรถนะสไตล์สปอร์ตที่พร้อมมอบความสนุกบนทุกเส้นทาง และดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์แบบอังกฤษพันธุ์แท้ ในงาน MINI Expo 2018 ซึ่งจะจัดขึ้นใน พร้อมเตรียมเผยโฉมที่สุดแห่งเทคโนโลยียานยนต์ในเซกเมนต์พรีเมียม คอมแพ็ค นำโดยไฮไลท์อย่างมินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน รุ่นล่าสุดในสเปคใหม่ ปรับราคาใหม่ลงสูงสุดถึง 460,000 บาท พร้อมด้วยทัพรถยนต์ในตระกูลมินิมาจัดแสดงอย่างครบครัน
ภายในงาน MINI Expo 2018 ทุกท่านจะได้พบกับยนตรกรรมระดับพรีเมียมจากมินิอย่างเต็มรูปแบบกว่า 17 รุ่น อาทิ มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน รุ่นล่าสุดพร้อมสเปคใหม่, มินิ แฮทช์, มินิ คอนเวิร์ตทิเบิล,
มินิ คลับแมน และ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ รุ่นปรับโฉมใหม่ พร้อมด้วยกิจกรรมอีกมากมายที่คนรักมินิต้องไม่พลาด นอกจากนี้ มินิ ประเทศไทย ยังเตรียมเปิด ‘MINI THE BLACK MARKET’ รวมพลเจ้าของรถยนต์มินิจากทั่วประเทศไทย มาร่วมกันเปิดท้ายขายของ ในวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคมนี้ 2561 นี้
เวลา 15.00 – 21.00 น. ณ ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์
คุณปรีชา นินาทเกียรติกุล ผู้จัดการทั่วไป มินิ ประเทศไทย กล่าวว่า “MINI Expo ในปีนี้ถือเป็นงานปีแรกสำหรับมินิ ประเทศไทย นับเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าถึงทั้งลูกค้าปัจจุบันและผู้สนใจในรถยนต์มินิ
โดยนอกจากจะได้พบกับขบวนมินิแบบครบทุกรุ่นแล้ว ทุกท่านที่แวะเวียนมายังจะได้สัมผัสกับ
มินิ คันทรีแมน ที่มาพร้อมกับสเปคใหม่ล่าสุดอีกด้วย งาน MINI Expo ในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำ
ความมุ่งมั่นของเราในการสร้างนวัตกรรมยานยนต์สำหรับผู้ที่รักในเสน่ห์เฉพาะตัวของมินิ ไม่ว่าจะเป็น
ผู้ที่หลงใหลในความคลาสสิก เน้นขับขี่สนุก หรือผู้ที่ชอบความเร็วและสมรรถนะที่ร้อนแรงในสนามแข่ง เราเชื่อว่างานนี้จะตอบโจทย์คนรักมินิทุกเจเนอเรชั่นอย่างแน่นอน”
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ราคาจำหน่าย 2,299,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
ด้วยรูปลักษณ์อันแข็งแกร่งและทรวดทรงที่โฉบเฉี่ยวสะอาดตา มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ผสมผสานดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เข้ากับความคลาสสิกแบบมินิในทุกองค์ประกอบของตัวรถ อย่างเช่นไฟหน้าที่มาพร้อมกับ LED daytime driving light ให้แสงสว่างที่นวลตาอย่างทั่วถึงทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน พร้อม LED Fog light ตัดหมอกทั้งไฟหน้าและไฟหลัง เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ และระบบ Parking Assistant ที่ทำให้การจอดรถเป็นเรื่องง่ายดายและสะดวกสบายมากขึ้น
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์ MINI TwinPower Turbo ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่และการตอบสนองที่ดีขึ้น ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังขับเคลื่อนสูงสุดอยู่ที่ 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่
1,350-4,600 รอบต่อนาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 15.9 กิโลเมตรต่อลิตร ระดับ
การปล่อย CO2 เพียง 142 กรัมต่อกิโลเมตร และทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมพวงมาลัยหนังแท้แบบมัลติฟังก์ชั่นระบบ Servotronic ที่ตอบสนองทุกโจทย์การขับขี่ได้อย่างแม่นยำ ส่วนล้ออัลลอยเป็นดีไซน์ Pair Spoke สีเงินขนาด 18 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารมีขนาดกว้างขวาง มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ประกอบด้วย 5 ที่นั่งแบบเต็มตัว
ส่วนเบาะที่นั่งหลังสามารถพับได้ โดยแบ่งแยกกันที่สัดส่วน 40:20:40 เพื่อความสะดวกสบายและ
การใช้งานต่างๆ การตกแต่งภายในห้องโดยสารเป็นสีดำในสไตล์ Piano Black พร้อมเบาะหนังแท้สีดำ Leather Cross Punch Carbon Black สไตล์สปอร์ต เพิ่มความสะดวกสบายด้วยฟังก์ชัน Automatic tailgate ให้สามารถควบคุมการเปิดปิดฝากระโปรงรถเพียงใช้เท้าจ่อบริเวณใต้กันชนท้ายเมื่อมีกุญแจรถอยู่กับตัวเท่านั้น
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ยังมาพร้อมหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 6.5 นิ้ว บริเวณกลางแผงคอนโซล ซึ่งทำหน้าที่เป็นจอแสดงผลข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แผนที่นำทาง ข้อมูลของตัวรถ ความบันเทิง และ MINI Connected ที่เป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวในยามเดินทาง แสดงพิกัดของรถ และข้อมูลต่างๆ ผ่าน
การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เสริมความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ในทุกเส้นทาง
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม ราคาจำหน่าย 2,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม ใหม่ ยังคงมีรูปลักษณ์ปราดเปรียวและคลาสสิกในสไตล์คันทรีแมน ภายนอกและภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วย Chrome Line ตัดขอบด้วยเส้นสายโครเมียมสีเงิน เพิ่มความหรูหรา ภายในรถมาพร้อมกล้องมองหลังและระบบ Parking Assistant ช่วยให้จอดรถได้ง่ายดาย และกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม ขับเคลื่อนด้วยเบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ที่มอบกำลังสูงสุดถึง 141 กิโลวัตต์/192 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที เช่นเดียวกับในรุ่นมินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน และทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะแบบสปอร์ตพร้อม Paddle Shift พวงมาลัยหนังแท้สไตล์ MINI Yours แบบสปอร์ตพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น และล้ออัลลอยสีเงินลาย Edged Spoke ขนาด 19 นิ้ว ขับขี่ได้สนุกทันใจแบบมีสไตล์
ห้องโดยสารตกแต่งในสไตล์ MINI Yours Piano Black Illuminated สีดำมันวาว มาพร้อมไฟสีที่
แต่งแต้มห้องโดยสารเพื่อเสริมสร้างบรรยากาศยามค่ำคืน พร้อมด้วยเครื่องเสียงชั้นเลิศจาก Harman Kardon ที่พร้อมมอบความเพลิดเพลินให้กับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เพื่อการเดินทางที่สุนทรีย์ยิ่งขึ้น
ด้วยระบบแสดงผล MINI Head-Up Display ที่ได้รับแรงบรรดาลใจจากเทคโนโลยีในห้องโดยสารเครื่องบินเจ็ท ผู้ขับขี่มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม จะสามารถมองเห็นข้อมูลการขับขี่ เช่น ความเร็วของรถยนต์ โดยที่ไม่ได้บดบังทัศนวิสัยบนท้องถนน ส่วนหน้าจอระบบสัมผัสดีไซน์ใหม่ขนาด 8.8 นิ้ว
จะอยู่บริเวณกลางแผงคอนโซล พร้อมระบบ MINI Connected ที่เป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวในยามเดินทาง แสดงพิกัดของรถ และข้อมูลต่างๆ ผ่านการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน
มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Yours Edition ราคาจำหน่าย 2,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Yours Edition พร้อมมอบความสนุกในสไตล์มินิแบบพิเศษกว่าใคร ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นรอบคัน ไม่ว่าจะเป็นล้ออัลลอยลาย MINI Yours Masterpiece สีดำ
มันวาว ขนาด 18 นิ้ว หรือระบบ MINI Logo Projection ที่สร้างเอกลักษณ์สะดุดตาด้วยการฉายโลโก้มินิลงบนพื้นนอกตัวรถบริเวณฝั่งคนขับเมื่อเปิดหรือปิดประตูรถ รวมไปถึงการตกแต่งด้วยดีไซน์ธงยูเนียน แจ็ค สีดำ 3 จุดที่บริเวณกรอบไฟเลี้ยวด้านข้าง กระจกมองข้างและปุ่มล็อคประตูภายในรถยนต์ ตอกย้ำคาแรคเตอร์ที่เด่นชัดในสไตล์อังกฤษอย่างแท้จริง
มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Yours Edition ให้สมรรถนะแบบสปอร์ตด้วยขุมพลังเบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า โดยมีแรงบิดสูงสุดที่ 280 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง
7.1 วินาที รวมถึงเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะ สไตล์สปอร์ต ทำให้การขับขี่สนุกและเร้าใจในแบบมินิเต็มตัว
ส่วนภายในห้องโดยสารตกแต่งในสไตล์ MINI Yours พวงมาลัยหนังแท้ทรงสปอร์ตสีดำตัดกับสีเงินที่มาพร้อมกับระบบมัลติฟังก์ชั่น เรียบหรูด้วยเบาะหนังแท้สีดำตัดเย็บพิเศษ เสริมแต่งด้วยหมุดลายยูเนียน แจ็ค พร้อมเบาะรองศีรษะในลายธงยูเนียน แจ็คเช่นกัน พิเศษสุดกับการตกแต่งพิเศษ MINI Yours Interior Style Piano Black พื้นผิวห้องโดยสารจะเป็นสีดำมันวาว พร้อมติดตั้งระบบแสงไฟสร้างบรรยากาศที่บริเวณมือจับประตู โดยสีจะเปลี่ยนไปตาม ambient light ซึ่งผู้ขับเลือกได้ 12 สี สามารถปรับได้ดั่งใจตามอารมณ์หรือบรรยากาศรอบตัว
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบแสดงผลด้วยจอระบบสัมผัสขนาด 6.5 นิ้วที่อยู่บริเวณกลางแผงคอนโซลรถ พร้อมระบบนำทางเชื่อมต่อกับกล้องมองหลัง ทำให้การจอดเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยขึ้น และยังรองรับเทคโนโลยี MINI Connected ที่จะเชื่อมต่อฟังก์ชั่นต่างๆ บนรถยนต์กับสมาร์ทโฟนได้
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ใหม่ ราคาจำหน่าย 3,468,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ MSI Standard)
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ใหม่ เสริมความแรงอย่างต่อเนื่อง โดยผสานเครื่องยนต์
ทรงพลังและระบบช่วงล่างที่ได้รับการออกแบบมาอย่างเทียบชั้นกับรถแข่ง เข้ากันอย่างลงตัวกับดีไซน์สปอร์ตและชุดแต่งที่โดดเด่นสะกดทุกสายตา สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เหนือระดับกว่ารุ่นอื่น ๆ ในเซกเมนต์ด้วยสมรรถนะปราดเปรียวและรูปลักษณ์สุดคลาสสิกของมินิ
ด้วยเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดของมินิอย่างเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ที่ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะแบบสปอร์ต รถยนต์รุ่นนี้สามารถขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบขนาด
2.0 ลิตร ให้พละกำลังที่ 170 กิโลวัตต์ / 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.5 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เสริมสมรรถนะการขับเคลื่อนด้วยระบบท่อไอเสียแบบสปอร์ต ที่มอบพลังเสียงเร้าใจยิ่งขึ้นเมื่อขับขี่แบบเปิดประทุน
อีกหนึ่งไฮไลท์อันโดดเด่นของมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ใหม่คือหลังคาผ้าแบบอัตโนมัติ ที่สามารถเปิด-ปิดได้อย่างไร้เสียงด้วยระบบไฟฟ้า และยังได้รับการปรับปรุงให้สามารถลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้มากขึ้นอีกด้วย โดยการเปิด-ปิดหลังคาสามารถทำงานด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว และใช้เวลาในการเปิด-ปิดเพียงแค่ 18 วินาที ขณะขับขี่ที่ความเร็วสูงสุด 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งยังมาพร้อมฟังก์ชั่นสำหรับเลื่อนเปิดหลังคาเฉพาะส่วนหน้าได้มากสุดถึง 40 เซนติเมตร โดยไม่จำกัดความเร็วขณะขับขี่
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ใหม่ ยังพกขีดสุดแห่งความคล่องตัวและความแม่นยำ
ในการเข้าโค้ง ด้วยการติดตั้งระบบช่วงล่างที่สามารถปรับสภาพตามรูปแบบการขับขี่ (Adaptive Suspension) และชุดเบรกแบบสปอร์ตมาเป็นอุปกรณ์พื้นฐาน รวมทั้งโครงสร้างตัวถังที่เสริม
ความแข็งแกร่งเป็นพิเศษเฉพาะสำหรับรุ่นคอนเวิร์ตทิเบิล พร้อมชุดแต่ง aerodynamics จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ เต็มรูปแบบ และล้ออัลลอยลาย John Cooper Works Cup Spoke 2-tone ขนาด 18 นิ้ว ที่
เสริมลุคสปอร์ตอันทรงพลังให้แก่มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล เจเนอเรชั่นใหม่นี้
นอกจากนี้ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ใหม่ ยังได้มีการปรับโฉมใหม่เช่นเดียวกับรถยนต์มินิรุ่นอื่น ๆ เพื่อยกระดับคาแรคเตอร์และเสน่ห์ของรถยนต์สัญชาติอังกฤษที่เด่นชัดยิ่งขึ้น โฉบเฉี่ยวด้วยรูปทรงและเส้นไฟ LED ลายธงยูเนียน แจ็คแห่งสหราชอาณาจักร โดยไฟเบรกจะใช้เส้นแนวตั้ง ส่วน
ไฟเลี้ยวจะเป็นเส้นแนวนอนกึ่งกลาง และไฟท้ายจะเปิดเป็นเส้นแนวทะแยง ส่วนไฟหน้าล่าสุดมาพร้อมกับเทคโนโลยี Adaptive LED ที่ทำงานร่วมกับ Matrix light ยกระดับทัศนวิสัยในการขับขี่ด้วยการใช้ระบบกล้องหน้ารถตรวจจับหารถยนต์คันอื่นที่ขับสวนมา เพื่อหลีกเลี่ยงการยิงไฟสูงใส่ผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆในขณะที่ยังคงส่องสว่างส่วนอื่น ๆ ของท้องถนน เพิ่มความปลอดภัยสำหรับทั้งผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทาง และอีกหนึ่งตัวช่วยที่อำนวยความสะดวกและทำให้การจอดรถของคุณง่ายขึ้นด้วยกล้องมองหลังผ่านจอแสดงผลด้านหน้า
สำหรับภายในตัวรถ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ใหม่ยังคงมอบความรู้สึกสปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหนังแท้ แป้นเบรก คันเร่ง และที่พักเท้าสแตนเลส สตีล มือจับประตูและที่หุ้มเกียร์ รวมทั้งเพดานห้องโดยสารสีดำ anthracite ในสไตล์จอห์น
คูเปอร์ เวิร์คส์ และยังให้ความสนุกสนานในทุกการขับขี่ด้วยพลังเสียงจากลำโพง Harman Kardon HiFi ถึง 12 ตัว พร้อมจอระบบสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว และเทคโนโลยีเชื่อมต่อ MINI Connected เพื่อการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดกับสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ยังนำเทคโนโลยีอย่างแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charging) มาติดตั้งไว้ยังบริเวณช่องในที่วางแขนกึ่งกลางตัวรถ โดยสามารถวางโทรศัพท์รุ่นที่รองรับระบบการชาร์จไร้สายบนแท่นเพื่อชาร์จได้เลย นอกจากนี้ยังมีพอร์ต USB เพิ่มเติมอีก 2 ช่องที่คอนโซลหน้ารถอีกด้วย
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์ 3 ประตู รุ่นปรับโฉมใหม่ ราคาจำหน่าย: 3,418,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
สัมผัสสมรรถนะเร้าใจในสไตล์รถแข่งโกคาร์ทแบบฉบับของมินิ กับมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์ ที่สืบทอดประสิทธิภาพจากสนามแข่งของจอห์น คูเปอร์มาได้อย่างสมบูรณ์แบบ โลดแล่นด้วยเครื่องยนต์ทรงพลัง ระบบช่วงล่าง ชุดแต่ง จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์ 3 ประตู ยังคงขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซินขนาด 2.0 ลิตร ส่งพละกำลังสูงสุดที่ 170 กิโลวัตต์ / 231 แรงม้า จากเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะแบบสปอร์ต
ส่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรภายใน 6.1 วินาที
ความสปอร์ตของมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์ ยังโดดเด่นด้วยล้ออัลลอยแบบ John Cooper Works Cup Spoke two-tone ขนาด 18 นิ้ว ตัดกับจานเบรกสีแดง เสริมลุคด้วยท่อไอเสียจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แบบคู่ที่อยู่กึ่งกลางของท้ายรถ พร้อมให้ความรู้สึกเร้าใจด้วยเบาะหนังหรือผ้า Dinamica สีดำตัดกับแดง มอบความรู้สึกทรงพลังด้วยความคลาสสิกสไตล์มินิอย่างแท้จริง
มินิ แฮทช์ 3 ประตู และ 5 ประตู รุ่นปรับโฉมใหม่
มินิ แฮทช์ 3 ประตู ราคาจำหน่ายเริ่มต้น: 2,180,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
มินิ แฮทช์ 5 ประตู ราคาจำหน่ายเริ่มต้น: 2,220,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard
ด้วยคาแรคเตอร์ที่เด่นชัดและเสน่ห์ของรถยนต์สัญชาติอังกฤษ รถยนต์มินิ แฮทช์ 3 ประตู และมินิ แฮทช์ 5 ประตู มาพร้อมโฉมใหม่รอบคัน เด่นสะดุดตาไปกับโคมไฟหน้าแบบฮาโลเจนในรุ่นคูเปอร์ และคูเปอร์ ดี ที่เน้นรายละเอียดด้วยพาเนลสีดำด้านในโคมไฟ และการปรับโฉมไฟหน้าแบบวงแหวนเต็มวงในดีไซน์ใหม่ ในรุ่นคูเปอร์ เอส ที่ให้ความสว่างมากขึ้นทั้งในโหมดไฟต่ำและไฟสูงด้วยไฟหน้า LED พร้อมด้วยไฟ LED Daytime Running Light และฟังก์ชันไฟเลี้ยวภายในวงแหวนเดียวกัน โดยไฟจะเปลี่ยนสีจากสีขาวเป็นสีส้มขณะที่ทำการเปิดไฟเลี้ยว นอกจากนี้ ยังมีล้ออัลลอยทั้งหมด 3 แบบที่ต่างกันไปในแต่ละรุ่น คือ ลาย Victory Spoke Black ขนาด 16 นิ้ว ลาย Roulette Spoke 2-tone ขนาด 17 นิ้ว และลาย Rail Spoke 2-tone ขนาด 17 นิ้ว
ไฟท้ายของรถใหม่ให้มีความโดดเด่นด้วยรูปทรงและเส้นไฟ LED ลายธงยูเนียน แจ็คแห่งสหราชอาณาจักร ในรุ่นคูเปอร์ เอส และจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์ โดยไฟเบรกจะใช้เส้นแนวตั้ง ส่วนไฟเลี้ยวจะเป็นเส้นแนวนอนกึ่งกลาง และไฟท้ายจะเปิดเป็นเส้นแนวทะแยง เมื่อไฟหน้าเปิดอยู่ ทำให้ภาพรวมของท้ายรถรุ่นปรับโฉมใหม่นี้มีความสวยงาม โดดเด่นจากการผสมผสานเส้นไฟเข้ากับรายละเอียดของลายธง ตอกย้ำความเป็นแบรนด์สัญชาติอังกฤษ
มินิ แฮทช์ มาพร้อมกับขุมพลังเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo โดยมีให้เลือกสรรทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ในรุ่นคูเปอร์ และ คูเปอร์ ดี และเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2 ลิตร ส่วนระบบส่งกำลัง ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมด้วยคันเกียร์ใหม่ในระบบไฟฟ้า โดยในรุ่นคูเปอร์และคูเปอร์ เอส จะมาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 7 สปีด คลัตช์คู่ (Double Clutch Transmission) ที่มอบจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและไหลลื่นยิ่งขึ้น เร่งความเร็วได้ทันใจ รวมถึงมีอัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ขับขี่ได้คล่องตัวและพร้อมตอบสนองความท้าทายทุกโจทย์บน
ท้องถนน
มินิ คูเปอร์ แฮทช์ 3 ประตู ให้กำลังสูงสุดที่ 136 แรงม้า โดยมีแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 7.8 วินาที ส่วนมินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 5 ประตู สามารถให้กำลังได้สูงสุด 192 แรงม้า โดยมีแรงบิดสูงสุดที่ 280 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 6.7 วินาที
มินิ คูเปอร์ แฮทช์ รุ่นปรับโฉมใหม่ ยังมาพร้อมกับหน้าจอดิจิทัลพร้อมระบบสัมผัสขนาด 6.5 นิ้ว หรือ 8.8 นิ้ว สำหรับ มินิ คูเปอร์ เอส ไฮทริม ที่มีเทคโนโลยีไร้สายแบบ Bluetooth ติดตั้งในตัวเพื่อเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือได้ รวมถึงเทคโนโลยี MINI Connected ที่จะเชื่อมต่อฟังก์ชั่นต่างๆ บนรถยนต์กับสมาร์ทโฟนได้
มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล รุ่นปรับโฉมใหม่ ราคาจำหน่าย: 3,030,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
เพื่อตอกย้ำความเป็นมินิในสไตล์อังกฤษ หลังคาของรถมินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล รุ่นปรับโฉมใหม่ ประทับลายธงยูเนียนแจ็คในสไตล์ MINI Yours อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ขับขี่ มีการเพิ่มตัวเลือกของสีเบาะที่นั่งและห้องโดยสารทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ Leather Chester, Leather Malt Brown, Leather Cross Punch Carbon Black และล่าสุดกับ Leather Lounge Satellite Grey ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความไม่เหมือนใคร และเติมความโดดเด่นบนท้องถนนให้กับมินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิลขณะขับขี่แบบเปิดหลังคา
รถมินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ และขุมพลังเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 192 แรงม้าโดยมีแรงบิดสูงสุดที่ 280 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 7.1 วินาที มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 7 สปีด คลัตช์คู่ (Double Clutch Transmission) ที่มอบจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและไหลลื่นยิ่งขึ้น เร่งความเร็วได้ทันใจ ส่วนล้อเป็นลายพิเศษ MINI Yours Vanity Spoke 2-tone ขนาด 18 นิ้ว ที่มากับฝาครอบล้อลาย MINI Yours
สำหรับพวงมาลัยในรถรุ่นปรับโฉมใหม่ทั้งมินิ คูเปอร์ แฮทช์ 3 ประตู 5 ประตูและคอนเวิร์ตทิเบิล จะเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่นสามก้าน โดยที่มีฟังก์ชันการใช้งานแตกต่างกันไปในมินิแต่ละรุ่น ทางด้านซ้ายจะมีปุ่มควบคุม Speed Limit ที่กำหนดความเร็วสูงสุดของรถได้ ส่วนชุดควบคุมด้านขวาจะเกี่ยวข้องกับระบบความบันเทิงและเครื่องเสียง นอกจากนี้ มินิ คอนเวิร์ตทิเบิล ยังมาพร้อมกับหน้าจอดิจิทัลพร้อมระบบสัมผัสขนาด 8.8 นิ้วที่มีเทคโนโลยีไร้สายแบบ Bluetooth ติดตั้งในตัวเพื่อเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือได้ รวมถึงเทคโนโลยี MINI Connected ที่จะเชื่อมต่อฟังก์ชั่นต่างๆ บนรถยนต์กับสมาร์ทโฟนได้
ข้อเสนอพิเศษในงาน MINI Expo 2018
สำหรับทุกการจองในงาน MINI Expo 2018 ระหว่างวันที่ 16-19 สิงหาคม พ.ศ. 2561 ลูกค้ามินิจะได้รับหมอนลายกุญแจรถยนต์มินิสุดเอ็กซ์คลูซีฟเป็นของขวัญ
สำหรับลูกค้ามินิที่ทำการจองรถยนต์ภายในงาน และรับส่งมอบรถยนต์ภายในวันที่ 30 กันยายน
พ.ศ. 2561 จะได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้
การจองรถมินิทุกรุ่น
· รับทันที ลำโพง MINI x Harman Kardon (จนกว่าสินค้าจะหมด)
· รับสิทธิ์ชิงรางวัลพิเศษ* แพคเกจทัวร์เกาหลี รวม 5 รางวัล
o ทุกการจอง ลูกค้าจะได้รับ 1 สิทธิ์เพื่อลุ้นรับรางวัลแพคเกจทัวร์เกาหลีใต้ 4 วัน 2 คืน สำหรับ
2 ท่าน พร้อมร่วมสัมผัสกับประสบการณ์พิเศษจาก MINI Driving Centre ณ ประเทศเกาหลีใต้
o พิเศษยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ผ่านทาง มินิ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ผ่านโปรแกรม Freedom Choice จะได้รับสิทธิ์ชิงโชคถึง 3 สิทธิ์ด้วยกัน
* รางวัลไม่สามารถโอนสิทธิ์หรือเปลี่ยนแปลงเป็นเงินสดได้
สำหรับรถยนต์มินิ คลับแมน ทุกรุ่น (ยกเว้นมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คลับแมน)
· ได้สิทธิ์ผ่อนชำระด้วยอัตราดอกเบี้ย 0% เป็นระยะเวลาถึง 5 ปี
ข้อเสนอเทรด-อินสำหรับรถยนต์มินิ คันทรีแมน
· เจ้าของรถยนต์มินิ คันทรีแมน รุ่นแรก (R60) จะได้สิทธิ์นำรถมาแลกรับข้อเสนอพิเศษสำหรับรถยนต์ มินิ คันทรีแมน รุ่นใหม่ (F60) ตามเงื่อนไขที่กำหนด
ในภาพจากซ้ายไปขวา - คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร, มร. คริสเตียน วิดมานน์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย,
คุณปรีชา นินาทเกียรติกุล ผู้จัดการทั่วไป และคุณเยาวพาณี เพชรเพ็ง ผู้จัดการฝ่ายวางแผนการขายและผลิตภัณฑ์ มินิ ประเทศไทย
คุณปรีชา นินาทเกียรติกุล ผู้จัดการทั่วไป มินิ ประเทศไทย
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, โรลส์-รอยซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยมีเครือข่ายการผลิต 30 แห่งใน 14 ประเทศ อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก
ในปี พ.ศ 2560 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์ 2,463,500 ล้านคัน และมอเตอร์ไซค์กว่า 164,000 คันทั่วโลก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีพนักงานทั้งหมด 124,729 คนทั่วโลก
ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นสาขาของ BMW AG ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม2541 ประกอบด้วย สามบริษัท ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการขายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยู และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านบริการทางการเงินสำหรับผู้จำหน่ายรถยนต์และลูกค้าบุคคล
ในปี 2560 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประสบความสำเร็จเป็นประวัติการณ์ด้วยยอดส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ จำนวน 11,030 คัน ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคม ปี 2560 ซึ่งสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 39% และถือเป็นยอดขายระดับ
5 หลักครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัท ด้านบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ก็สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดส่งมอบรถมอเตอร์ไซค์ทั้งสิ้น 2,001 คัน โตขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ด้วยสถิติดังกล่าว ทำให้ปี 2560 เป็นปีที่ประสบความสำเร็จที่สุดของทั้งสาม
แบรนด์ภายใต้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ที่สร้างยอดการเติบโตที่ 43% นับว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับยอดขายบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลก
ในด้านการผลิต โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบีเอ็ม ดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็ม ดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียนที่ผ่านมานอกจากนี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จาก
ซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู 30 แห่ง ใน 14 ประเทศทั่วโลก
ณ ปี พ.ศ. 2560 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถประกอบรถยนต์รุ่นต่างๆ ทั้งหมด 17 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 1 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 Gran Turismo บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู X1 บีเอ็มดับเบิลยู X3 บีเอ็มดับเบิลยู X4 และบีเอ็มดับเบิลยู X5 สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 800 R บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 700 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR และ บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังขยายสายการประกอบรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด 4 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยู 530e บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู 740Le
ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2559 เป็นต้นมา บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังพัฒนาศักยภาพในการประกอบรถยนต์เพื่อรองรับการส่งออกรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู X5 และ บีเอ็มดับเบิลยู X3 สู่ตลาดในประเทศจีนอีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย 1-800-269-269
www.bmw.co.th
www.mini.co.th
www.bmw-motorrad.co.th
สื่อมวลชนติดต่อ บริษัท คาร์ลบายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์
สุธาทิพย์ บุญแสง (08-7685-1695 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 102)
ธรธวัช ทองแนบ (08-3225-4567 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 206)พิชานัน ทูลกำธรชัย (08-5157-7557 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 101)
นลินุตม์ ศิริสมบัติ (08-6977-7881 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 155)
sboonsaeng@carlbyoir.com, tthongnab@carlbyoir.com, ptoonkamthornchai@carlbyoir.com, nsirisombut@carlbyoir.com