Last updated: 21 เม.ย 2563 | 6736 จำนวนผู้เข้าชม |
BMW 330e M sport (G20) CKD
ขึ้นชื่อว่าเป็นยนตกรรมล่าสุดจากค่ายใบพัดฟ้า-ขาวแคว้นบาวาเรีย ชื่อนี้การันตีเรื่องความมันส์เร้าใจทุกครั้งที่ได้ขับ 330e M sport (G20) รุ่นประกอบในประเทศไทยคันนี้ก็เช่นกัน ผมยกให้มันเป็นรถยนต์สปอร์ตซีดานที่ขับสนุกที่สุดแล้วในเซกเมนท์
อนุกรมซีรีย์ 3 ในรหัสตัวถัง G20 ได้ถูกนำเข้ามาทำตลาดในบ้านเราเป็นครั้งแรกเมื่อปีก่อน โดยนำเข้ามาทั้งคัน มี 2 รุ่น คือ BMW 330i M sport และ BMW 320d sport ประกอบทั้งคันจากประเทศเยอรมนี ด้วยราคาบวกภาษีนำเข้าที่ 3.3 ล้าน และ 2.9 ล้าน ตามลำดับ ใครที่ตัดสินใจไปซื้อก่อนก็อย่าได้น้อยใจไป โดยเฉพาะรุ่น 330i M sport ที่ถือเป็นรุ่นท๊อปในบ้านเรา เป็นซีรีย์ 3 ที่ในความเห็นส่วนตัวผมมองว่า เป็นรถที่ขับสนุก สปอร์ต แฮนดริ่งเฉียบคมที่สุดในคลาสแล้ว แต่มาพลาดท่าเสียไปนิดในเรื่องการเซ็ตอัพสปริงสปอร์ตที่แข็งกระด้างไป จะรู้สึกชัดเจนในที่นั่งโดยสารตอนหลังเวลาขับผ่านถนนขรุขระในกรุงเทพฯ นอกนั้นมันถือได้ว่าเป็นสุดยอดรถยนต์สปอร์ตซีดานที่ให้อรรถรสในการขับขี่ที่สปอร์ตปราดเปรียวที่สุดแล้วเมื่อเทียบในราคาใกล้เคียงกันกับค่ายคู่แข่ง จะมีอีกคันที่ผมชื่นชอบก็คือ Audi A4 Avant 45 TFSI quattro S-Line ที่เป็นยอดรถสมรรถนะดีมากๆอีกคัน แต่พอมาถึงเจ้า 330e ที่เป็นรถไฮบริดเสียบปลั๊ก (PHEV) ที่นำมาประกอบในไทยยัดออฟชั่นมาแบบไม่มีกั๊กและตั้งราคาไว้สะดุ้งเฮือกใหญ่ๆเพียง 2,799,000- แถมพ่วงโปรเร้าใจแบบไม่ต้องลังเลเข้าไปอีก งานนี้โควิดก็รั้งไว้ไม่อยู่แล้วล่ะ!
ความคุ้มโคตรๆของ 330e ไล่ไปตั้งแต่ได้ชุดแต่ง M Aerodynamic รอบคัน ได้ล้อขอบ 19” ลาย 5 ก้านคู่ มาพร้อมกับยางเรเดียลสมรรถนะสูงไซส์ 225 40 R 19 ที่ด้านหน้า 255 35 R 19 สำหรับด้านหลัง เด็ดสุดๆต้องนี้เลย!ได้ช่วงล่างปรับแข็ง-อ่อนด้วยไฟฟ้าปรับได้ 2 ระดับ ลองขับมาแล้วบอกเลยว่ามันลบจุดอ่อนของ 330i ลงได้สำเร็จ นุ่มแต่หนึบไม่มีอาการกระด้างเหลืออีกต่อไป ส่วนนอกนั้นออฟชั่นที่เหลือ ถูก copy and paste เหมือน 330i ซึ่งขอไม่พูดเยอะดีกว่า ผมขอเข้าเรื่องด้านสมรรถนะการขับขี่ใช้งานเลยละกัน
ทันทีที่ได้นั่งขับอยู่หลังพวงมาลัย 330e สัมผัสแรกต้องขอชมระบบไฮบริดที่ทำงานได้ค่อนข้างเงียบเสียงดีพอใช้ได้ คือมันไม่เงียบขนาดเงียบกริบเหมือนใน E300e คู่แข่งอีกคันแม้จะคนละคลาสแต่ที่นำมาเปรียบเพราะว่าเป็นรถใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำตลาดในเวลาไม่ต่างกันมากนัก ผมยังจับรอยต่อการทำงานเมื่อระบบส่งสตาร์ทเครื่องยนต์เข้ามาช่วยมอเตอร์ไฟฟ้าได้ค่อนข้างชัดเจน สำหรับใครที่ชอบแบบจับผิดระบบไม่ได้ เรื่องนี้ถือว่า 330e ยังทำได้ไม่ดีนัก แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่นักเพราะเมื่อคุณได้ขับมันไม่เกิด 3 นาทีแรก คุณจะสัมผัสความสปอร์ต ปราดเปรียว เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ร่วมกันทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม แทบไม่มีอาการเทอร์โบแล็กให้รู้สึกเลย ด้วยพละกำลังรวมที่เครื่องยนต์สันดาป 4 สูบ 2.0 ลิตร แบบ Twinpower Turbo บล็อกนี้ทำได้ที่ 188 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 113 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 265 นิวตันเมตร พละกำลังรวมทั้งหมดที่ 252 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ส่งกำลังไปที่ล้อคู่หลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด เห็นแบบนี้มันแรงใช่เล่น เพราะยังมีก๊อกสองสามารถรีดแรงม้าสูงสุดได้ถึง 292 แรงม้า เมื่ออยู่ในฟังก์ชั่น “Xtraboost” ทันที่ที่กดคันเร่งจมมิด 330e สร้างความเร้าใจได้ไม่แพ้ 330i เลยทั้งๆที่มันแบกน้ำหนักตัวมากกว่าเกือบ 200 กก.อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 5.9 วินาที เทียบกับ 5.8 วินาทีของ 330i ท๊อปสปีด 230 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ทางโรงงานเคลมไว้ว่าทำได้ 47.6 กม./ลิตร ซึ่งในความเป็นจริงผมทดสอบขับใช้มา 5 วัน ไม่เคยทำตัวเลขได้ดีกว่า 8-10 กม./ลิตร เลยสาบานได้!
สิ่งที่ผมชื่นชอบมากที่สุดในตัว 330e รถไฮปริดเสียบปลั๊กคันนี้นอกจากความแรงที่ได้จากขุมพลังไฮบริดแล้ว ผมชื่นชอบอารมณ์การขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์ของค่าย BMW ที่ยังคงยึดมั่นทำรถสปอร์ตซีดานเครื่องวางหน้าขับเคลื่อนล้อหลัง ที่จูนระบบ DSC (ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว)ที่อนุญาตให้คนขับได้เล่นกับรถตามหลักฟิสิกส์ที่มันควรจะเป็น เมื่อคุณสั่งปิด DSC เพื่อเข้าฟังก์ชั่น DSC sport traction คุณจะสามารถกวาดท้ายได้ตามต้องการและมากพอที่จะสร้างความสนุกตื่นเต้น เพื่อให้คุณดริฟท์รถได้เล็กๆน้อยๆก่อนที่ระบบจะเข้ามาตัดคันเร่ง นี่ละคือมนต์เสน่ห์ที่ยังขลังสุดๆของค่ายใบพัดฟ้า-ขาว
สรุปตรงนี้ 330e ไม่เพียงแค่มาทำตลาดทดแทนรุ่น 330i ที่เลิกนำเข้าได้ดีมาก แต่มันยังคงการันตีในความสปอร์ต แรง เฉียบ แฮนดริ่งสุดยอด ขับสนุกที่สุดในคลาสแถมมาในราคาที่เรียกได้ว่าคุ้มที่สุดแล้วในเวลานี้ จะรออะไรอีกอย่าคิดมากเลยจัดไปเลยคุณ!
ป.ล.ติดตามเทสไดร์ฟของผมได้ในรายการ FOC DRIVE บน YouTube คืนนี้!