Last updated: 20 ก.ย. 2565 | 1677 จำนวนผู้เข้าชม |
FERRARI PUROSANGUE (เฟอร์รารี่ พูโรซังกเว้): โดดเด่นอย่างไม่มีใครเทียบเคียงได้
• Purosangue ยนตรกรรม 4 ประตู, 4 ที่นั่ง รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของม้าลำพอง เปิดตัวแล้ววันนี้
• Purosangue มาพร้อมกับขุมพลัง V12 แบบไม่มีระบบอัดอากาศ อันเลื่องชื่อของมาราเนลโล ปลดปล่อยพลังได้มากถึง 725 แรงม้า
• ประสิทธิภาพของรถได้รับการสืบสานมาจากสุดยอดรถสปอร์ตของม้าลำพอง ทำให้ Purosangue เป็นรถสปอร์ตแบบ 4 ประตูขนานแท้จากเฟอร์รารี่เช่นกัน
• Purosangue คือบรรทัดฐานใหม่แห่งอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย
หลังจากมีการพูดถึงในแวดวงยานยนต์มาเป็นเวลาหลายปี วันนี้เฟอร์รารี่ได้เปิดตัว Purosangue ยนตรกรรม 4 ประตู, 4 ที่นั่ง รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ 75 ปี ของม้าลำพอง ท่ามกลางบรรยากาศอันงดงามของ Teatro del Silenzio ในลาญาติโค (ใกล้เมืองปิซา)
นับตั้งแต่ปีแรกๆ ของแบรนด์ รถยนต์แบบ 2+2 ที่นั่ง (เช่น เบาะหน้า 2 ตัว และเบาะขนาดเล็กด้านหลังอีก 2 ตัว) มีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์การตลาดเสมอมา ยนตรกรรมมากมายของเฟอร์รารี่ได้รวมเอาสมรรถนะอันโดดเด่นเข้ากับความสะดวกสบายระดับเฟิร์สคลาสจนเป็นหนึ่งในเสาหลักที่ประสบความสำเร็จของแบรนด์ และ ณ วันนี้ ในวาระครบรอบ 75 ปี แห่งความเป็นผู้นำในการค้นคว้าพัฒนา เฟอร์รารี่ได้รังสรรค์รถยนต์ที่ไม่เหมือนใครขึ้นสู่เวทีโลก ไม่เพียงบริบทด้านสมรรถนะ, อรรถรสในการขับขี่ และความสะดวกสบาย ที่หล่อหลอมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบเท่านั้น ทว่ายังเปี่ยมด้วย DNA อันเป็นเอกลักษณ์ของม้าลำพองอีกด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ชื่อ Purosangue ซึ่งในภาษาอิตาลีแปลว่า 'พันธุ์แท้' ถูกนำมาใช้ เพื่อให้บริษัทบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับโครงการนี้ และสร้างยนตกรรมที่คู่ควรกับการเป็นส่วนหนึ่งในเรนจ์ จึงได้สร้างสรรค์เลย์เอาต์และนวัตกรรมที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เมื่อเทียบกับรูปทรงทั่วไปของรถแบบ GT สมัยใหม่ (ที่เรียกว่า Crossover และ SUV) มาใช้ โดยทั่วไปแล้วเครื่องยนต์ของรถ GT สมัยใหม่ มักถูกติดตั้งเยื้องไปด้านหน้าจนเกือบคร่อมเพลาหน้า พร้อมกับชุดเกียร์ที่ต่อตรงไปยังเครื่องยนต์ ส่งผลให้มีการกระจายน้ำหนักไม่เหมาะสม ทำให้ขาดไดนามิกและอรรถรสในการขับขี่ ซึ่งลูกค้าของม้าลำพองและผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่คุ้นเคยกันดีในรถเฟอร์รารี่ ในทางกลับกัน Purosangue ใช้เครื่องยนต์แบบวางกลางลำด้านหน้า และติดตั้งชุดเกียร์ไว้ด้านหลัง เพื่อให้ได้มาซึ่งเลย์เอาต์ระบบขับเคลื่อนแบบรถสปอร์ต หน่วยควบคุมการถ่ายทอดกำลัง (Power Transfer Unit – PTU) ติดตั้งไว้ด้านหน้าของเครื่องยนต์ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีการทำงานไม่เหมือนใคร เหล่านี้ช่วยให้รถมีอัตราส่วนการกระจายน้ำหนัก หน้า:หลัง ที่ 49:51 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทีมวิศวกรแห่งมาราเนลโลต่างเห็นพ้องว่าเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางลำด้านหน้า
Purosangue ยืนหยัดเหนือคู่แข่งอื่นๆ ในกลุ่ม ด้วยประสิทธิภาพและความสะดวกสบาย นี่เป็นรถเครื่องยนต์วางกลางลำด้านหน้าเพียงหนึ่งเดียวที่ใช้ขุมพลัง V12 ไม่มีระบบอัดอากาศ เครื่องยนต์ที่ขึ้นชื่อที่สุดของมาราเนลโลได้นำมาใช้ในยนตรกรรมรูปแบบใหม่หมดจดคันนี้ เพื่อให้แน่ใจว่ารถจะปลดปล่อยพละกำลังได้สูงกว่ารถรุ่นอื่นในกลุ่มเดียวกัน (ที่ 725 แรงม้า) ทั้งยังรับประกันได้ว่าจะมาพร้อมกับเสียงคำรามอันน่าหลงใหลของเครื่องยนต์เฟอร์รารี่อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ยังให้แรงบิดได้มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ที่รอบต่ำ เพื่อมอบความสนุกในการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ได้ทุกเวลาที่ต้องการ แอโรไดนามิกของ Purosangue ถูกพัฒนาขึ้นโดยมุ่งเน้นไปที่ตัวถังใต้ท้องรถ และดิฟฟิวเซอร์หลัง ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ วิธีการใหม่ๆ รวมไปถึงการทำงานอย่างสอดคล้องกันระหว่างกันชนหน้าและซุ้มล้อ ที่ช่วยสร้างม่านอากาศขึ้นมาปิดล้อคู่หน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดลมหมุนย้อนกลับ นอกจากนั้น เฟอร์รารี่ยังติดตั้งระบบควบคุมไดนามิกของรถรุ่นล่าสุดซึ่งถูกนำมาใช้กับรถสปอร์ตที่ทรงพลังและพิเศษที่สุดมาแล้ว ให้กับ Purosangue อีกด้วย นั่นรวมไปถึงระบบเลี้ยวอิสระสี่ล้อ และระบบ ABS ‘evo’ พร้อม Chassis Dynamic Sensor แบบ 6 ทิศทาง (6w-CDS) และที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลกคือระบบช่วงล่างแบบแอคทีฟของเฟอร์รารี่ ซึ่งเห็นผลอย่างยิ่งในการควบคุมการเอียงตัวของรถขณะเข้าโค้ง และทำให้หน้ายางยังคงติดพื้นขณะวิ่งบนผิวทางขรุขระ จึงสามารถถ่ายทอดสมรรถนะและการตอบสนองต่อการบังคับควบคุมได้เช่นเดียวกับรถสปอร์ตรุ่นต่างๆ ของแบรนด์
แชสซีส์แบบใหม่หมดจด มาพร้อมกับหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ติดตั้งให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพื่อช่วยลดน้ำหนักและจุดศูนย์ถ่วงของรถ การออกแบบตัวถังขึ้นใหม่ทั้งหมดยังหมายถึงทีมออกแบบสามารถใส่ประตูหลังแบบบานพับอยู่ด้านหลัง (Welcome Doors) เข้าไปได้ ทำให้สามารถ เข้า-ออก รถได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ทว่ายังคงช่วยให้รถมีขนาดกะทัดรัดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ห้องโดยสารมาพร้อมกับเบาะไฟฟ้าแบบทำความร้อนได้ทั้ง 4 ที่นั่ง สามารถรองรับผู้ใหญ่ 4 คน ได้อย่างสะดวกสบาย ที่เก็บสัมภาระท้ายรถมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เฟอร์รารี่เคยมีมา และเบาะหลังยังสามารถพับเก็บเพื่อเพิ่มพื้นที่ใส่สัมภาระได้อีกด้วย จากรูปแบบของรถทำให้ Purosangue มีตำแหน่งการขับขี่ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ในรถได้เหนือกว่าเฟอร์รารี่รุ่นอื่นๆ แต่การจัดวางก็ยังคงเป็นแบบเดียวกับเฟอร์รารี่ทุกคัน นั่นคือตำแหน่งการขับขี่ที่กระชับและใกล้กับพื้น เพื่อมอบความรู้สึกเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกับการเคลื่อนไหวของรถ Purosangue มอบตัวเลขสมรรถนะระดับหัวแถวในคลาส (จาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ใน 3.3 วินาที และจาก 0 ถึง 200 ใน 10.6 วินาที) ตำแหน่งการขับขี่และเสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดของขุมพลัง V12 แบบไม่มีระบบอัดอากาศ ต่างมอบประสบการณ์การขับขี่รถยนต์เฟอร์รารี่ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนั้น ยังติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายมาให้เป็นมาตรฐานมากมาย เช่น ชุดเครื่องเสียง Burmester© ตลอดจนออปชั่นสุดพิเศษที่มีให้เลือกมากมาย รวมทั้งหนัง Alcantara® แบบใหม่ ที่ผลิตจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลที่ผ่านการรับรอง ทำให้ Purosangue เป็นยนตรกรรมแบบ 4 ประตู, 4 ที่นั่ง ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในกลุ่ม
ระบบขับเคลื่อน
เครื่องยนต์ของ Purosangue (รหัส F140IA) ยังคงไว้ซึ่งรูปแบบที่ทำให้ขุมพลัง 12 สูบ อันเลื่องลือของม้าลำพองประสบความสำเร็จมาอย่างล้นหลาม เช่น เสื้อสูบทำมุม 65 องศาระหว่างกัน, ความจุ 6.5 ลิตร, ดรายซัมพ์ และหัวฉีดเชื้อเพลิงแรงดันสูง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ขุมพลังนี้ถูกออกแบบให้ทำแรงบิดสูงสุดได้ที่รอบต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยไม่สูญเสียสัมผัสแห่งพละกำลังที่ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปกติของเครื่องยนต์ V12 ไม่มีระบบอัดอากาศจากเฟอร์รารี่ 80 เปอร์เซ็นต์ของแรงบิดมีให้ใช้ที่รอบต่ำเพียง 2,100 รอบ/นาที และสูงสุด 716 นิวตันเมตร ที่ 6,250 รอบ/นาที แรงม้าสูงสุด 725 แรงม้า ที่ 7,750 รอบ/นาที ร่วมด้วยบุคลิกการตอบสนองคันเร่งแบบเดียวกับรถสปอร์ตขนานแท้
ท่อไอดี, การจุดระเบิด และไอเสีย ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด ขณะที่ฝาสูบนำมาจากรุ่น 812 Competizione จุดที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพเชิงกลและการเผาไหม้ โดยปรับใช้จากแนวคิดที่ได้มาจากรถแข่งฟอร์มูล่า 1 ผลลัพธ์ที่ได้คือเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เฟอร์รารี่เคยมีติดตั้งในรถแบบ 4 ที่นั่ง ทั้งยังทรงพลังที่สุดเมื่อเทียบกับรถในกลุ่มเดียวกัน รวมถึงเป็นรถเพียงหนึ่งเดียวที่ให้เสียงคำรามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามสไตล์ของเครื่องยนต์เฟอร์รารี่ V12 เพื่อรับประกันว่าจะได้ประสิทธิภาพเชิงกลสูงสุด มวลของชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวต่างๆ จึงถูกออกแบบขึ้นใหม่ เพลาข้อเหวี่ยงเหล็กเคลือบไนไตร์ด ได้รับการปรับแต่งเพื่อเพิ่มช่วงชัก ส่วนท่อทางเดินน้ำมันเครื่องภายในออกแบบใหม่ให้เพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำมันไปยังแบริ่งได้มากยิ่งขึ้น ความคลาดเคลื่อนของแบริ่งที่น้อยลงกว่าเดิมช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองลงได้ ปั๊มน้ำหล่อเย็นและปั๊มน้ำมันเครื่องก็ได้รับการออกแบบใหม่โดยมุ่งเน้นไปที่การลดความฝืดและมวล ด้วยการใช้โรเตอร์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กลง และปรับทางเข้าออกให้เหมาะสมที่สุด รวมไปถึงการซีลโรเตอร์อีกด้วย ชุดควบคุมการเปิดปิดวาล์วเป็นแบบใหม่ทั้งหมด ขณะที่กระบวนการขัดผิวแบบใหม่ให้กับแคมชาฟต์ช่วยลดความหยาบของพื้นผิวและลดแรงเสียดทานระหว่างลูกเบี้ยว, แกนของแคมชาฟต์เอง และถ้วยกดวาล์วแบบไฮดรอลิก เพื่อปรับ Curve ของแรงบิดให้เหมาะสม และให้แน่ใจว่า (แรงบิด) จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงความเร็วรอบ จึงมีการแก้ไขรูปทรงของท่อไอดีและท่อร่วมอากาศ รูปแบบการจัดวางระบบระบายไอเสียก็ถูกปรับให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลและลดแรงดันย้อนกลับ นอกจากนั้น ลูกสูบยังเป็นแบบเฉพาะที่ออกแบบหัวลูกสูบให้เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้มากขึ้น
ระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ประกอบด้วยปั๊มเชื้อเพลิงแรงดันสูง (350 บาร์) สองตัว สำหรับส่งน้ำมันเบนซินไปยังหัวฉีดเพื่อใช้ในการเผาไหม้ ระบบจุดระเบิดที่ประกอบด้วยคอยล์และหัวเทียน 12 ชุด ได้รับการตรวจสอบตลอดเวลาโดย ECU ที่มีระบบตรวจจับไอออน ที่จะคอยวัดกระแสไอออไนซ์เพื่อควบคุมจังหวะการจุดระเบิด มีการทำงานทั้งแบบจุดระเบิดครั้งเดียวและหลายครั้ง เพื่อให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในทุกย่านความเร็วรอบเครื่อง นอกจากนั้น ECU ยังควบคุมการเผาไหม้ในกระบอกสูบเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องยนต์จะทำงานในช่วงอุณหภูมิที่มีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่เสมอ ด้วยการประมวลผลที่ซับซ้อนเพื่อรับรู้ค่าออกเทน (RON) ของเชื้อเพลิงในถังและปรับ (การจุดระเบิด) ล่วงหน้าให้เหมาะสมกับเชื้อเพลิง การทำงานอื่นๆ ของเครื่องยนต์ยังรวมไปถึงฟังก์ชันที่ได้รับการจดสิทธิบัตรใหม่ซึ่งได้มาจากความเชี่ยวชาญด้านการแข่งขันฟอร์มูล่า 1 ของเฟอร์รารี่ ที่จะช่วยเพิ่มแรงบิดให้เหมาะสมระหว่างการเร่งความเร็วในช่วงรอบต่ำและกลาง เสียงคำรามของขุมพลัง F140IA เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการผสมผสานระหว่างเสียงบรรเลงอันไพเราะที่รังสรรค์ขึ้นโดยลำดับการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และความสามารถของเฟอร์รารี่ในการควบคุมเสียงในห้องโดยสาร ท่อร่วมไอเสียที่มีความยาวเท่ากันทั้งหมด ได้รับการปรับแต่งเพื่อรับประกันว่าการประสานเสียงของกระบอกสูบทั้ง 12 จะออกมาอย่างไร้ที่ติ ท่อร่วมอากาศแบบใหม่พร้อมกับช่องรับอากาศที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ให้เสียงโทนแหลมสูงร่วมกับเสียงย่านความถี่กลาง หม้อพักไอเสียแบบโปรเกรสซีฟทั้ง 2 ชุด ซึ่งสามารถสั่งการทำงานได้ผ่าน Manettino รองรับการขับขี่ทั้งในเมืองและในแบบเพอร์ฟอร์มานซ์ สุ้มเสียงที่ได้ยังคงความเป็นเฟอร์รารี่ไว้เช่นเคย ด้วยเสียงบรรเลงอันไร้ที่ติของขุมพลัง V12 ที่กึกก้องทว่าละเอียดลออ จนกระทั่งผู้ขับเร่งเครื่องเต็มกำลัง เมื่อเครื่องยนต์เข้าใกล้เรดไลน์ที่ 8,250 รอบ/นาที จะปรากฏเป็นเสียงคำรามอันน่าหลงใหลกระทั่งแตะรอบสูงสุด ซึ่งมีเพียงเครื่องยนต์ของเฟอร์รารี่เท่านั้นที่มอบเสียงแบบนี้ได้ โครงสร้างของเกียร์ 8 จังหวะ, คลัตช์น้ำมันคู่ ได้รับการปรับให้เหมาะสมผ่านการใช้ดรายซัมพ์และชุดคลัตช์ที่มีขนาดกะทัดรัดกว่าเดิมอย่างมาก ช่วยลดความสูงไปได้ 15 มม. เมื่อติดตั้งเข้าไปในรถซึ่งทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลงไปด้วย ประสิทธิภาพของคลัตช์ชุดใหม่เพิ่มสูงขึ้น 35 เปอร์เซ็นต์ รองรับแรงบิดระหว่างเปลี่ยนเกียร์ได้มากสุดถึง 1,200 นิวตันเมตร ชุดควบคุมแรงดันไฮดรอลิกเจเนอเรชั่นใหม่ช่วยให้เวลาในการปลดและจับคลัตช์เร็วกว่าเดิม ทำให้เวลารวมในการเปลี่ยนเกียร์ลดลงเมื่อเทียบกับเกียร์ DCT 7 จังหวะ รุ่นก่อนหน้านี้ อัตราทดเกียร์ใหม่หมายถึงแต่ละเกียร์จะสั้นลงและต่อเนื่องมากขึ้น ขณะที่อัตราทดเกียร์สูงที่ยาวขึ้นจะช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองเมื่อขับขี่ทางไกล การเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ (Down shift) ได้รับการปรับแต่งให้ทำงานได้นุ่มนวล พร้อมมุ่งเน้นไปที่ความสนุกในการขับขี่และเสียงจากขุมพลัง V12 ตัวใหม่
ระบบควบคุมไดนามิกของรถ
การพัฒนาสมรรถนะด้านไดนามิกของ Purosangue เน้นไปที่การรังสรรค์ยนตรกรรมที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลก รถที่มอบอรรถประโยชน์และมาตรฐานความสะดวกสบายที่ส่งให้ขึ้นไปอยู่ระดับแถวหน้าของตลาด ตลอดจนถ่ายทอดระบบไดนามิกของรถและสมรรถนะอันเป็นเอกลักษณ์ของเฟอร์รารี่ ที่เทียบเคียงกับรถรุ่นอื่นๆ ในเรนจ์ Purosangue ภูมิใจนำเสนอระบบที่แปลกใหม่และไม่เหมือนใครเป็นครั้งแรกของโลก เทคโนโลยีช่วงล่างแบบแอคทีฟของเฟอร์รารี่ ที่ทำงานด้วย True Active Spool Valve (TASV) ของระบบ Multimatic เมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ ในตลาด สถาปัตยกรรมระบบกันสะเทือนแบบใหม่นี้มีข้อดีหลายประการ จากการผสานการสั่งงานของมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ากับแดมเปอร์ไฮดรอลิก ที่ใช้วาล์วแบบ Spool ซึ่งมีความแม่นยำสูง รวมไว้ในระบบเดียวกันแบบครบวงจร มอเตอร์ไฟฟ้าช่วยให้มั่นใจได้ว่าตัวถังและล้อสามารถควบคุมได้แบบแอคทีฟด้วยการสั่งการที่เหนือกว่าและที่ความถี่ที่สูงกว่าระบบอะแดปทีฟหรือกึ่งแอ็คทีฟแบบดั้งเดิม
ข้อดีอย่างหนึ่งของระบบกันสะเทือนแบบแอ็คทีฟจากเฟอร์รารี่คือ ความเร็วที่มอเตอร์ TASV 48 โวลต์ ส่งแรงไปในทิศทางของช่วงชักของแดมเปอร์ มอเตอร์ไฟฟ้าไร้แปรงถ่านแบบสามเฟสที่มีกำลังสูงได้รับการพัฒนาร่วมกันกับเฟอร์รารี่เพื่อการใช้งานนี้โดยเฉพาะ มอเตอร์ใช้เทคโนโลยีขดลวดสเตเตอร์แบบ "slotless" เพื่อลดขนาดรัศมีและเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานให้สูงสุด จากมุมมองด้านเทคนิค แรงของมอเตอร์จะถูกส่งผ่านในรูปแบบใหม่ ผ่านบอลสกรูแบบลีดคู่ที่ต่อตรงกับก้านลูกสูบของแดมเปอร์ไฮดรอลิก ซึ่งช่วยให้ตอบสนองได้ดีที่ความถี่สูง และลดแรงเสียดทาน, ความเฉื่อย และพื้นที่ติดตั้งระบบกันสะเทือนแบบแอ็คทีฟใช้ตัววัดอัตราเร่งและเซ็นเซอร์ที่อยู่ในช่วงล่างแต่ละล้อ สื่อสารกับระบบควบคุมการลื่นไถลด้านข้าง (Side Slip Control - SSC) 8.0 และเซ็นเซอร์ของระบบ 6w-CDS ถือเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเฟอร์รารี่ ที่ทำงานร่วมกับแดมเปอร์ TASV ของระบบ Multimatic จะจัดการองค์ประกอบด้านประสิทธิภาพของช่วงล่างแบบแอ็คทีฟเต็มรูปแบบด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
เทคโนโลยีนี้ช่วยปรับสมรรถนะการเข้าโค้งให้เหมาะสมที่สุดด้วยการกระจายความแข็งแบบแปรผันและต่อเนื่อง ตลอดจนลดแรงเหวี่ยงลงได้แบบแอคทีฟ (ลดลงต่ำสุด 10 มม.) เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพของแรงด้านข้างที่กระทำต่อยางสูงสุด และความสมดุลระหว่างโอเวอร์และอันเดอร์สเตียร์ การควบคุมความถี่สูงจะควบคุมทั้งการเคลื่อนไหวของตัวถังและการเคลื่อนที่ของล้อ ช่วยลดโอกาสพลิกคว่ำและยกตัว รวมทั้งดูดซับความขรุขระของพื้นถนน
นอกจากเทคโนโลยีระบบกันสะเทือนแบบแอ็คทีฟแล้ว Purosangue ยังติดตั้งปีกนกแบบ Semi-virtual รุ่นใหม่ โดยปีกนกล่างจะมีจุดยึดสองจุดบนโครงยึดดุมล้อ วิธีนี้หมายความว่า จุดยึดแกนบังคับเลี้ยว (ลูกหมาก) ตัวล่างเสมือนที่เกิดจากแขนทั้งสองข้างนั้น จะอยู่ใกล้กับศูนย์กลางของล้อมาก ดังนั้น จึงลด Scrub Radius ลงอย่างมาก กล่าวคือ ระยะห่างระหว่างจุดตัดจากส่วนบนของสตรัทที่ลากผ่านมาถึงลูกหมากปีกนก และกึ่งกลางของหน้ายางที่ระดับพื้นดิน ซึ่งทำให้พวงมาลัยสะบัดน้อยลงบนถนนขรุขระและขณะเบรก Purosangue ติดตั้งตัวควบคุม ABS 'evo' รุ่นใหม่ ที่ออกแบบร่วมกับ Bosch® และรวมเข้ากับระบบ Brake-by-wire ที่เปิดตัวครั้งแรกใน 296 GTB สำหรับ Purosangue ฟังก์ชันดังกล่าวได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อรับมือกับพื้นผิวที่มีการยึดเกาะต่ำ และในการตั้งค่าผ่าน Manettino ทั้งหมด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถขณะเบรกซ้ำๆ ในทุกสภาพถนน ตัวควบคุมใหม่นี้ ใช้ข้อมูลจากระบบควบคุมการทรงตัวแบบอิเลกทรอนิกส์ (Electronic Stability Control - ESC) จึงประเมินความเร็วของรถได้แม่นยำยิ่งขึ้น เพื่อตรวจวัดการลื่นไถลของล้อทั้งสี่ขณะกำลังเบรก ความแม่นยำที่ได้รับการปรับปรุงนี้ หมายถึงสามารถใช้แรงตามยาวของยางทั้งสี่เส้นได้ดีขึ้น ในขณะที่การประเมินผลที่แม่นยำยิ่งขึ้นยังหมายถึงความสามารถในการประมวลผลซ้ำภายใต้ค่าเป้าหมายได้หลายครั้งยิ่งขึ้น จึงลดโอกาสผิดพลาดอันเนื่องมาจากความแปรผันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น สภาพของถนนลาดยาง เป็นต้น
ระบบประเมินการยึดเกาะที่ใช้ข้อมูลจาก EPS ซึ่งเดิมพัฒนาขึ้นสำหรับ 296 GTB ยังได้รับการปรับแต่งเพื่อการขับขี่บนหิมะหรือพื้นผิวอื่นๆ ที่มีการยึดเกาะต่ำอีกด้วย จากการใช้ข้อมูลใน ECU และมุมลื่นไถลที่คำนวณโดย SSC 8.0 ทำให้ระบบสามารถคำนวณระดับการยึดเกาะระหว่างหน้ายางและถนนขณะกำลังหักเลี้ยวได้ ซึ่งจะให้ค่าประมาณการที่แม่นยำแม้ในขณะที่รถไม่ได้ขับจนถึงขีดจำกัดสูงสุด จึงทำให้ฟังก์ชันการเรียนรู้ด้วยตนเองของการยึดเกาะถนนเร็วขึ้น และการประเมินการยึดเกาะถนนในทุกสภาวะการยึดเกาะทำได้แม่นยำยิ่งขึ้น ใน Purosangue ระบบ 4RM-S ที่พัฒนาขึ้นสำหรับ GTC4Lusso ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม และยังสืบทอดนวัตกรรมที่สร้างขึ้นจากตรรกะการควบคุมที่พัฒนาขึ้นสำหรับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของ SF90 Stradale ควบคู่ไปกับระบบเลี้ยวสี่ล้ออิสระใหม่ ที่มีอยู่ใน 812 Competizione การจัดการการเลี้ยวขณะเข้าโค้งเมื่อเร่งความเร็ว จึงได้รับการปรับให้เหมาะสมด้วยการผสาน Torque Vectoring ที่เพลาหน้า, การกระจายแรงบิดไปยังยางหลังโดย E-Diff และการควบคุมแรงกระทำด้านข้างโดยระบบเลี้ยวสี่ล้อเข้าด้วยกัน การจัดการทางอิเลกทรอนิกส์แบบใหม่ ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับความแม่นยำในการควบคุมตำแหน่งของแอคทูเอเตอร์เดี่ยว การตอบสนองของเพลาที่เร็วยิ่งขึ้น และเป็นผลเนื่องมาจากการเพิ่มความแม่นยำของแรงกระทำด้านข้างเทคโนโลยีข้างต้นทั้งหมดรวมอยู่ในระบบ Side Slip Angle Control เวอร์ชัน 8.0 ซึ่งป้อนภาษาที่ใช้ร่วมกันให้กับระบบควบคุมทั้งหมด เพื่อกำหนดการทำงานที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด ข้อเท็จจริงก็คือ ระบบ SSC 8.0 ได้รวมการควบคุมทั้งหมดของรถ (พวงมาลัย, แทร็คชั่น และการควบคุมในแนวตั้ง) โดยทำงานแบบแอคทีฟที่ล้อทั้งสี่ เกิดเป็นการประสานงานกันอย่างเป็นธรรมชาติร่วมกับระบบ ABS evo รุ่นใหม่ มีการให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับวัตถุประสงค์ใหม่คือเพื่อความเร้าใจในการขับขี่ ซึ่งตั้งเป้าหมายด้านสมรรถนะไว้อย่างเฉพาะเจาะจง การเร่งความเร็วในแต่ละเกียร์เมื่ออยู่ในโหมด Manual ได้รับการปรับให้ทำงานได้ในช่วงกว้างและทันใจ ควบคู่ไปกับการเพิ่มอัตราเร่งและลดเวลาในการตอบสนอง ซึ่งเป็นสิ่งที่นิยามความโดดเด่นของ Purosangue ได้ดีที่สุด
Purosangue ปลดปล่อยศักยภาพของชุดเกียร์ DCT 8 จังหวะ รุ่นใหม่ ออกมาได้จากทุกมิติ ทั้งทางด้านกลไก, พลัง และการควบคุม อัตราทดเกียร์เท่ากับที่ใช้อยู่ใน SF90 Stradale และ 296 GTB แต่ด้วยล้อและยางที่ใหญ่กว่า ส่งให้อัตราทดสั้นกว่าเฟอร์รารี่แบบ 4 ที่นั่ง รุ่นก่อนหน้านี้ จึงมอบสมรรถนะที่เหนือกว่าขณะเร่งความเร็ว เกียร์ทั้ง 8 สปีด ถูกออกแบบให้มอบประสบการณ์อันผ่อนคลายเมื่อขับขี่ทางไกล ซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงานของระบบขับเคลื่อน มีข้อดีทั้งในเรื่องของสมรรถนะ (ลดเวลาในการเปลี่ยนเกียร์ ขึ้น/ลง 18 เปอร์เซ็นต์) และการทำงานแบบ “Sailing” ซึ่งปลดการทำงานของเครื่องยนต์และชุดเกียร์ออกจากกันเมื่อถอนคันเร่ง เพื่อมอบความราบรื่นนุ่มนวลขณะขับขี่ได้มากยิ่งขึ้นในสถานการณ์ที่ไม่ต้องการแทร็คชั่นใดๆ (และยังรวมไปถึงขณะเหยียบเบรกด้วย) นอกจากนั้น การทำงานของ Manettino ใน Purosangue ยังได้รับการปรับปรุงเพื่อให้เป็นไปตามจุดประสงค์ของโปรเจ็คต์นี้อีกด้วย Purosangue มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือขณะขับขี่ (ADAS) หลากหลายรายการ ติดตั้งให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยมีหลายระบบที่พัฒนาร่วมกับ Bosch® รวมไปถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแอคทีฟ (Adaptive Cruise Control - ACC), ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Automatic Emergency Brake System - AEB), ระบบ เปิด/ปิด ไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High Beam - HBA/HBAM), ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning - LDW), ระบบรักษาตำแหน่งรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping Assist - LKA), ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Detection - BSD), ระบบแจ้งเตือนการจราจรด้านหลัง (Rear Cross Traffic Alert - RCTA), ระบบแจ้งเตือนป้ายสัญลักษณ์จราจร (Traffic Sign Recognition - TSR), ระบบแจ้งเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้า (Driver Drowsiness and Attention - DDA) และกล้องแสดงภาพขณะถอยหลัง (NSW) ส่วนฟังก์ชันที่นำมาใช้กับรถยนต์เฟอร์รารี่เป็นครั้งแรกคือระบบควบคุมรถขณะอยู่ในทางลาดชัน (Hill Descent Control – HDC) ที่จะช่วยผู้ขับขี่รักษาและควบคุมความเร็วของรถบนทางลาดชันโดยแสดงข้อมูลให้เห็นบนหน้าปัด เมื่อระบบ HDC ทำงาน จะควบคุมระบบเบรกเพื่อให้มั่นใจว่าความเร็วของรถจะไม่เกินไปกว่าที่ตั้งค่าเอาไว้บนจอแสดงผล อย่างไรก็ตาม ระบบสามารถตั้งค่าที่ต้องการได้ใหม่ผ่านแป้นคันเร่ง
ห้องโดยสาร
ภายในของ Purosangue ต้องการความพิถีพิถันในการออกแบบ ทั้งในส่วนของพื้นที่และการตกแต่ง ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุอย่างเอาใจใส่เพื่อให้ได้มาซึ่งพื้นที่สำหรับผู้โดยสารในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมความสะดวกสบายตามแบบฉบับของรถเฟอร์รารี่ 4 ที่นั่ง ห้องโดยสารให้ภาพลักษณ์และความรู้สึกราวกับห้องนั่งเล่นที่หรูหราและโฉบเฉี่ยวแบบสุดขั้ว เมื่อเปิดประตู จะเผยให้เห็นพื้นที่กว้างขวางจนน่าทึ่ง และที่น่าแปลกใจพอๆ กันก็คือ การตกแต่งภายในที่หรูหราล้ำสมัย จนรู้สึกได้ถึงความสง่างามและล้ำยุค ภาษาการออกแบบยุคใหม่ผสานเข้ากับสุนทรียะของรถสปอร์ต GT อันเป็นเอกลักษณ์ของเฟอร์รารี่ได้อย่างกลมกลืน รูปทรงทั้งหมดมีขนาดกะทัดรัดแต่มีเจตนาเพื่อเพิ่มทั้งพื้นที่ใช้สอยและสรีรศาสตร์ ค็อกพิทของผู้ขับได้รับแรงบันดาลใจมาจาก SF90 Stradale และฝั่งผู้โดยสารก็แทบจะเป็นดีไซน์แบบเดียวกัน สิ่งนี้ช่วยให้เกิดเป็นสัมผัสแห่งการมีส่วนร่วมต่อกันของผู้โดยสารเบาะหน้าอย่างที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ ร่วมด้วยจอแสดงผลขนาด 10.2 นิ้ว ที่แจ้งข้อมูลสำคัญทั้งหมดเพื่อเสริมให้เกิดความรู้สึกร่วมในประสบการณ์การขับขี่ Purosangue ติดตั้งอินเตอร์เฟซแบบดิจิตอลเต็มระบบมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับในทุกเรนจ์
สถาปัตยกรรมภายในห้องโดยสารของ Purosangue ตั้งอยู่บนพื้นฐานของคอนเซปต์แบบค็อกพิตคู่ ซึ่งใช้ดีไซน์แบบเดียวกันต่อเนื่องไปยังเบาะหลัง เกิดเป็น 4 พื้นที่ ที่แยกจากกันอย่างชัดเจนทั้งในแง่ของฟังก์ชัน, รูปทรง, วัสดุ และสีสัน หลักการนี้ส่งผลให้องค์ประกอบของห้องโดยสารซึ่งมีดีไซน์ตามแนวนอนและไร้รอยต่อระหว่างกัน ดูกว้างขวางโอ่อ่าทว่ายังคงรักษาส่วนเว้าส่วนโค้งที่บางเบาและพริ้วไหวเอาไว้ได้ครบถ้วน รูปแบบที่วิจิตรงดงาม บรรจบเข้าหาศูนย์กลางที่โอบล้อมรอบผู้โดยสาร ผ่านความเชื่อมโยงระหว่างเบาะนั่งและบริเวณของฟังก์ชันต่างๆ เน้นย้ำแนวคิดแบบ ค็อกพิตคู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตัวควบคุมที่เกี่ยวกับความสะดวกสบายจะอยู่บนอินเทอร์เฟซแบบหมุนที่แฝงตัวกลมกลืนอยู่ในส่วนกลางของแดชบอร์ด ซึ่งผู้โดยสารด้านหลังก็สามารถเข้าถึงฟังก์ชันเดียวกันได้ผ่านอินเทอร์เฟซแบบปุ่มหมุนที่ติดตั้งไว้ด้านหลัง คอนโซลกลางที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ผสานเข้ากับโครงสร้างรูปตัว Y ซึ่งโดดเด่นด้วยฐานเกียร์ทำจากโลหะ องค์ประกอบที่เรียบง่าย ทว่าได้รับการออกแบบมาอย่างดีพอๆ กัน คือปุ่มควบคุมกระจกหน้าต่าง, ที่วางแก้วแบบคู่ที่ทำจากแก้วเพื่อความหรูรา และช่องเก็บกุญแจซึ่งอยู่รวมในโซนแท่นชาร์จแบบไร้สาย พื้นที่ส่วนล่างมีช่องใส่ของกระจุกกระจิก และยังช่วยสร้างความรู้สึกต่อเนื่องกับพื้นอย่างไร้รอยต่อ ด้วยสีสันและวัสดุนำมาใช้ ส่วนประกอบของค็อกพิตที่เกิดจากรูปทรงเปลือกหอยอันเป็นเอกลักษณ์ ผสานรวมและสร้างจุดดึงดูดสายตาให้กับระบบเสียงที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เฟอร์รารี่เคยมีมา นอกจากนี้ยังเน้นเรื่องความสะดวกสบายเป็นพิเศษบริเวณที่พักแขนและมือเปิดประตูอีกด้วย
นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเฟอร์รารี่ที่ใช้เบาะแบบปรับด้วยไฟฟ้าที่ติดตั้งแยกอิสระต่อกันทั้ง 4 ตัว การผสมผสานส่วนประกอบที่เน้นความสบาย, การใช้โฟมที่ปรับความหนาแน่นได้ และระบบกันสะเทือนใหม่ หมายความว่า Purosangue จะมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสารในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมเลย์เอาต์ที่แสดงถึงความสปอร์ตและสง่างามตามแบบฉบับของภาษาการออกแบบจากเฟอร์รารี่ พนักพิงแบบทำความร้อนได้สามารถปรับและเอนได้อย่างอิสระ และหากเลื่อนไปข้างหน้าจนสุด จะช่วยเพิ่มความจุสัมภาระของ Purosangue ได้อย่างมาก การแสวงหาหนทางสู่ความหรูหราของเฟอร์รารี่ ไม่ได้ละเลยแม้เพียงวินาทีต่อความรับผิดชอบกับสิ่งแวดล้อมและการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน วัสดุที่ยั่งยืนถูกนำมาใช้ในห้องโดยสารของ Purosangue ทั่วทั้งคัน จึงเปิดโอกาสให้สามารถผสมผสานรูปแบบใหม่ๆ เข้าไปได้ ข้อเท็จจริงก็คือ 85 เปอร์เซ็นต์ ของการตกแต่งในรถคันนี้ใช้วัสดุที่มีความยั่งยืนทั้งสิ้น ผ้าบุหลังคาผลิตจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล, พรมจากโพลีอารามิดซึ่งรีไซเคิลมาจากอวนที่เก็บได้จากทะเล และหนัง Alcantara® สูตรใหม่ ที่ทำมาจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลเช่นกัน โดย Purosangue นับเป็นรถคันแรกๆ ของโลกที่ใช้หนัง Alcantara® รุ่นพิเศษซึ่ง 68 เปอร์เซ็นต์ ทำจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล สำหรับ Alcantara® รุ่นนี้ ได้รับมาตรฐานจาก Recycled Claimed Standard (RCS) ซึ่งรับรองโดย ICEA เป็นมาตรฐานสากลชั้นนำที่ตรวจสอบยืนยันวัสดุรีไซเคิลและติดตามวัสดุจากแหล่งกำเนิดไปยังผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายได้
แทนที่จะใช้พรมหรือหนังแบบดั้งเดิมในการตกแต่งพื้นรถ ผู้เป็นเจ้าของสามารถเลือกใช้ผ้าพิเศษแบบกันกระสุนซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่ใช้ในเครื่องแบบทหารได้ เนื่องจากมีความเหนียวและทนทานเป็นพิเศษ หนังกึ่งอนิลีนสีน้ำตาลเข้มที่ร่วมสมัยและหรูหราได้รับการเปิดตัวเป็นครั้งแรกเช่นกัน สุดท้ายคือการตกแต่งแบบสปอร์ตด้วยคาร์บอนทอด้วยลวดลายใหม่ ที่เป็นอุปกรณ์สั่งติดตั้งพิเศษ ซึ่งทอโดยสอดลวดทองแดงชั้นดีเข้าไปผสมผสานด้วย จึงให้ได้รูปลักษณ์ที่มีรายละเอียดสูงกว่าคาร์บอนไฟเบอร์แบบปกติ ชุดเครื่องเสียงสามมิติรอบทิศทาง Burmester® 3D High-End Surround Sound System ก็เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่นำมาใช้ในรถยนต์เฟอร์รารี่เป็นครั้งแรกเช่นกัน ระบบเสียงชุดนี้ให้ที่สุดแห่งประสิทธิภาพตั้งแต่ย่านความถี่ต่ำถึงสูง ด้วยการใช้นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย เป็นครั้งแรกที่มีการนำทวีตเตอร์ทรงแท่งมาใช้ในรถยนต์ ขณะที่ซับวูฟเฟอร์ติดตั้งไว้ในกล่องระบบปิดเพื่อให้ได้มาซึ่งเสียงเบสที่ผสานความกระจ่างชัด, พลังเสียงและความเร็ว ได้อย่างน่าทึ่งที่ย่านความถี่ต่ำ ระบบเสียงสามมิติมาพร้อมกับ Pre-set หลากหลายรูปแบบ มอบประสบการณ์เสียงที่สมจริง, น่าตื่นเต้น และมีคุณภาพสูง สะท้อนลักษณะเฉพาะตัวของรถได้อย่างชัดเจน และตอกย้ำถึงแก่นแท้แห่งผลงานชิ้นเอกของยนตรกรรมที่ผลิตใน Maranello ในบรรดาสีที่มีให้เลือกทั้งหมด มีสี Nero Purosangue ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับรถรุ่นนี้ โดยใช้เม็ดสีที่ในบางสภาพแสงจะทำให้เกิดการสะท้อนออกมาเป็นสีแดงที่เข้มข้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มวอลลุ่มของรถได้อย่างสวยงาม
ข้อมูลจำเพาะทางเทคนิค – PUROSANGUE
ระบบขับเคลื่อนประเภท V12 – ทำมุม 65 องศา – ดรายซัมพ์
ความจุกระบอกสูบ 6496 ซีซี
กระบอกสูบ x ช่วงชัก 94 มม. x 78 มม.
กำลังสูงสุด* 725 แรงม้า ที่ 7750 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 716 นิวตันเมตร ที่ 6250 รอบ/นาที
รอบเครื่องยนต์สูงสุด 8250 รอบ/นาที
อัตราส่วนกำลังอัด 13.6:1
อัตราส่วนกำลังต่อลิตร 111 แรงม้า/ลิตร
มิติและน้ำหนัก
ความยาว 4973 มม.
ความกว้าง 2028 มม.
ความสูง 1589 มม.
ความยาวฐานล้อ 3018 มม.
ความกว้างฐานล้อหน้า 1737 มม.
ความกว้างฐานล้อหลัง 1720 มม.
น้ำหนักรถเปล่า** 2033 กก.
อัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้า 2.80 กก./แรงม้า
การกระจายน้ำหนัก 49% หน้า / 51% หลัง
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 100 ลิตร
ความจุห้องเก็บสัมภาระ 473 ลิตร
ล้อและยาง
หน้า 255/35 R22 J9.0
หลัง 315/30 R23 J11.0
ระบบเบรก
หน้า 398 x 38 มม.
หลัง 380 x 34 มม.
ระบบส่งกำลังและเกียร์
8-จังหวะ F1 DCT
ระบบอิเลกทรอนิกส์
ระบบควบคุมการลื่นไถลด้านข้าง (Side Slip Control - SSC) เวอร์ชั่น 8.0
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4RM-S evo
ระบบกันสะเทือนแบบแอคทีฟ (Ferrari active suspension technology)
ระบบ F1-Trac
ระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรก ABS ‘EVO’ พร้อมระบบประเมินแรงยึดเกาะ เวอร์ชั่น 2.0
ECS
สมรรถนะ
ความเร็วสูงสุด > 310 กม./ชม.
0-100 กม./ชม. 3.3 วินาที
0-200 กม./ชม. 10.6 วินาที
100-0 กม./ชม. 32.8 เมตร
200-0 กม./ชม. 129 เมตร
การรับประกัน 7 ปี
มาตรฐานคุณภาพที่เหนือชั้นของเฟอร์รารี่และการมุ่งเน้นที่การบริการลูกค้า เป็นหัวใจสำคัญของโปรแกรมการบำรุงรักษาขยายระยะเวลาเพิ่มขึ้นเป็น 7 ปี สำหรับ Purosangue โปรแกรมนี้ครอบคลุมการบำรุงรักษาตามปกติทั้งหมดในช่วง 7 ปีแรกของรถ การบำรุงรักษาตามกำหนดเวลานี้เป็นบริการพิเศษที่ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่ารถของท่านจะมีประสิทธิภาพสูงสุดและมีความปลอดภัยตลอดเวลา บริการพิเศษนี้มีให้สำหรับผู้ที่ซื้อเฟอร์รารี่มือสองด้วยเช่นกัน การบำรุงรักษาตามปกติ (ตามระยะทาง 20,000 กม. หรือปีละครั้ง ไม่จำกัดระยะทาง), อะไหล่แท้ และการตรวจเช็คอย่างพิถีพิถันโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรมโดยตรงที่ศูนย์ฝึกอบรมของเฟอร์รารี่ในมาราเนลโล โดยใช้เครื่องมือวินิจฉัยที่ทันสมัยที่สุด นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในข้อดีอีกมากมายของโปรแกรม Genuine Maintenance บริการนี้ครอบคลุมทั่วโลก รวมถึงตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั้งหมด