เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เผยโฉม Continental GT Le Mans Collection พร้อมยกทัพอัครยนตรกรรมจากอดีตถึงปัจจุบัน ฉลองแชมป์ Le Mans 6 สมัย

Last updated: 6 ก.ค. 2566  |  678 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เผยโฉม Continental GT Le Mans Collection พร้อมยกทัพอัครยนตรกรรมจากอดีตถึงปัจจุบัน ฉลองแชมป์ Le Mans 6 สมัย


Bentley Continental GT Le Mans Collection เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในยุโรป ณ งาน Le Mans Classic 2023 ซึ่งถือเป็นการจัดแสดงอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน

งาน Le Mans Classic ในปีนี้จะมีการจัดแสดงอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ ณ Club Azure/Garden 24 ซึ่งอยู่ติดกับสนามแข่ง Le Mans โดยเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะครั้งที่ 6 ของเบนท์ลีย์ในการแข่งขัน Le Mans 24 Hours เบนท์ลีย์ มอเตอร์สจะจัดแสดงอัครยนตรกรรมจาก 6 เรื่องราวของเหตุการณ์สำคัญเพื่อเป็นเกียรติแก่ประวัติศาสตร์อันล้ำค่าของแบรนด์

 

เรื่องที่ 1: Continental GT Le Mans Collection 1 ใน 24 ของโลก
Continental GT รุ่นลิมิเต็ด เอดิชันกว่า 48 คันทั่วโลก รวมถึงรุ่นเปิดประทุน 24 คันในยุโรปได้รับการรังสรรค์ขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 20 ปีนับตั้งแต่ชัยชนะครั้งที่ 6 ของเบนท์ลีย์ในการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans และในโอกาสครบรอบ 100 ปีนับตั้งแต่การแข่งขันระดับตำนานเป็นครั้งแรก โดย Continental GT Le Mans Collection รุ่นพิเศษประกอบด้วยออปชันที่โดดเด่น อาทิ หน้าจอแสดงผลแบบหมุนได้ 3 ทิศทางที่มาพร้อมกับหน้าจอระบบสัมผัสความละเอียดสูง หน้าปัดแบบวีเนียร์คู่ หรือ หน้าปัดแบบอนาล็อกจากเดิมที่เป็นหน้าปัดแบบมาตรฐานที่แสดงวาล์วเครื่องยนต์รุ่น V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 4.0 ลิตร ของรุ่น Speed 8 ที่ชนะการแข่งขัน Le Mans ในปี 2546 Continental GT Le Mans Collection จะจัดแสดงในบริเวณของ Club Azure




เรื่องที่ 2: 2002 SPEED 8 002/6
รถแข่งเบนท์ลีย์รุ่นใหม่หวนกลับคืนสู่การแข่งขัน Le Mans อีกครั้งด้วยการจัดแสดงในงานฉลองครบรอบ 100 ปีของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งเป็นรายการระดับแถวหน้าของโลก โดยในปัจจุบันรถแข่งเบนท์ลีย์รุ่นนี้ได้จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ Le Mans เพื่อให้สาธารณชนและแขกของเบนท์ลีย์ได้ยลโฉม สำหรับภายในงานจะมีการจัดแสดงรุ่น Speed 8 จากปี 2545 บริเวณ Club Azure ซึ่งรถแข่งเบนท์ลีย์รุ่น SPEED 8 002/6 เป็นรถแข่งเบนท์ลีย์เพียงคันเดียวที่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน Le Mans ในปี 2545 หนึ่งปีหลังจากที่ทีมเบนท์ลีย์เปิดตัวอย่างน่าทึ่งด้วยอันดับที่ 3 และจบในอันดับที่ 4 โดย SPEED 8 002/6 จัดแสดงบริเวณด้านหน้า Club Azure



เรื่องที่ 3: 1929 41/2 LITRE SUPERCHARGED BLOWER และ BLOWER CONTINUATION
เบนท์ลีย์คลาสสิกรุ่น 1929 41/2 LITRE SUPERCHARGED BLOWER ทีม #2 หมายเลขทะเบียน UU 5872 จะถูกจัดแสดงภายในงานเช่นกัน สำหรับรุ่นนี้ถือเป็นรุ่นก่อนสงครามโลกที่โด่งดังของเบนท์ลีย์ และเคยเผยโฉมในนิยายเรื่อง เจมส์ บอนด์ โดย Ian Fleming เบนท์ลีย์คลาสสิกหมายเลขทะเบียน UU 5872 ขับโดย Bentley Boy นาม Henry (Tim) Birkin ในการแข่งขัน Le Mans ในปี 2473 ปัจจุบันเบนท์ลีย์ มอเตอร์สครอบครองรถยนต์คลาสสิกรุ่นนี้ตั้งแต่ปี 2543 และได้ถูกเก็บรักษาในพิพิธภัณฑ์ Heritage Garage ที่ตั้งอยู่ภายในโรงงานเดิมที่ก่อสร้างด้วยอิฐในช่วงปี 2473 ซึ่งตัวโรงงานเคยเป็นสถานที่วางแผนและพัฒนาอัครยนตรกรรมรุ่น Continental GT ปี 2546

เรื่องที่ 4: 1938 CORNICHE 41/4 LITRE
เบนท์ลีย์ 'Embiricos' ขนาด 4¼ ลิตร ปี 2481 เป็นแรงบันดาลใจให้เบนท์ลีย์ มอเตอร์สรังสรรค์รุ่น Mark V ที่ได้ถูกออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์และมีชื่อเรียกว่า Corniche ก่อนหน้ารุ่น R Type Continental ในปี 2495 โดยในช่วงปลายปี 2473 รุ่น 'Embiricos' ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์สำหรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่นำไปสู่แรงบันดาลใจให้เบนท์ลีย์ในการรังสรรค์ Mark V แบบ 4 ประตูที่มาในรูปแบบ 'เพรียวลม' ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่เคยมีการผลิตรุ่นนี้มาก่อน แต่ Corniche ก็ถือเป็นต้นแบบรถยนต์ที่สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของเบนท์ลีย์ ตัวรถมาในเฉดสีแดง Imperial Maroon พร้อมแถบข้างเฉดสีเทา ในขณะที่การตกแต่งภายในได้รับการรังสรรค์ในสไตล์ Vanvooren โดยใช้หนังแบบ Connolly Vaumol และผ้า West of England

 

เรื่องที่ 5: 1953 R-TYPE และ CONTINENTAL GT V8 AZURE
เบนท์ลีย์รุ่น R-Type JAS 949 ปี 2496 เป็นหนึ่งใน 208 คันของรุ่น R Type Continental ซึ่งเป็นรถยนต์แบบซาลูนหรูขนาด 4 ที่นั่งที่เร็วที่สุดในโลกเมื่อตอนเปิดตัวในปี 2495 และเนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปี Continental GT Azure รุ่นพิเศษได้ถูกรังสรรค์ขึ้นโดย เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส โดยทั้งสองจะถูกจัดแสดงในโถงนิทรรศการหลัก

 
เรื่องที่ 6: 2019 BENTLEY MULLINER BATUR 1 ใน 18 คันของโลก
อัครยนตรกรรมกับการออกแบบแนวใหม่ Bentley Mulliner Batur ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 18 คันในโลกเท่านั้น โดยเบนท์ลีย์รุ่นนี้ถือเป็นอัครยนตรกรรมที่ทรงสมรรถนะที่สุดด้วยเครื่องยนต์รุ่น W12 มอบพละกำลังกว่า 750 แรงม้า ซึ่งได้ขับเคลื่อนความสำเร็จของเบนท์ลีย์ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยเมื่อเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ประกาศยุติการผลิตเครื่องยนต์รุ่น W12 พร้อมกับคำสั่งการผลิตที่จะสิ้นสุดลงในปีนี้ เบนท์ลีย์ก็จะได้เดินทางตามแผนกลยุทธ์ Beyond100 เพื่อขับเคลื่อนแบรนด์สู่การใช้พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบภายในปีหน้า สำหรับภายในงาน Le Mans Classic อัครยนตรกรรมต้นแบบคันที่ 2 ในชื่อ Car Zero-Zero เผยโฉมในเฉดสีม่วง Mulliner Gloss Mariana Teal Pearlescent พร้อมกับคุณสมบัติการออกแบบตัวถังช่วงล่างด้วย Satin Carbon Fibre ฝากระโปรงแบบมันวาวพื้นผิวไทเทเนียมสีเข้ม ปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศแบบไทเทเนียม พร้อมก้านควบคุมอะลูมิเนียม และการเน้นหัวเกียร์และช่องลม นอกจากนี้ Batur ยังมาพร้อมกับเครื่องเสียง Naim for Mulliner Upgrade Hifi System ที่พัฒนาขึ้นสำหรับ Batur โดยเฉพาะ

สำหรับอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์จำนวนกว่า 75 คันจะลงแข่งในส่วนหนึ่งของ Benjafield’s Club ซึ่งอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ทั้งหมดจะเปิดให้ยลโฉมบริเวณ Club Azure ด้วยเช่นกัน

งาน Le Mans Classic ถือเป็นงานที่มีการจัดแสดงอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้