Last updated: 4 พ.ย. 2562 | 950 จำนวนผู้เข้าชม |
คุณอภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 56 ปีที่ผ่านมา ลัมโบร์กินี ทำให้คนทั่วโลกสัมผัสได้ถึงดีเอ็นเอความเป็นแบรนด์สุดยอดรถซูเปอร์คาร์หรู จากการสรรสร้างพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่างไม่หยุดยั้ง และการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ลัมโบร์กินีจึงเป็นแบรนด์ซูเปอร์สปอร์ตคาร์สัญชาติอิตาเลียนที่เป็นผู้นำทางด้านยนตรกรรมระดับโลก ด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์และมีสมรรถนะที่เร้าใจ ส่งผลให้ลัมโบร์กินีเป็นมากกว่ารถสปอร์ตทั่วไป และเป็นรถที่ผู้คนทั่วโลกปรารถนาที่จะครอบครอง ซึ่งเรนาสโซ มอเตอร์ ต้องการต่อยอดจุดแข็งของลัมโบร์กินี ด้วยการสร้างความแข็งแกร่งให้มีการพัฒนาและเติบโตในประเทศไทย”
สำหรับซูเปอร์สปอร์ตคาร์สุดหรูที่มาจัดแสดงภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 (The 40th Bangkok International MOTOR SHOW) ตั้งแต่วันนี้ – 7 เม.ย.62 ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี มีดังนี้
1. “Lamborghini Huracán EVO” (ลัมโบร์กินี ฮูราแคน อีโว)
ซูเปอร์สปอร์ตคาร์ เครื่องยนต์ V10 Naturally-aspirated อันทรงพลังและได้รับการถ่ายทอดสมรรถนะการขับขี่มาจาก Lamborghini Huracan Performante (ลัมโบร์กินี ฮูราแคน เพอร์ฟอร์มานเต้) ด้วยพละกำลังสูงสุด 640 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ช่วยให้ Huracán EVO ทะยานจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 2.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ดีไซน์ตัวถังด้วยอลูมิเนียมผสมกับคาร์บอนไฟเบอร์ ทำให้ตัวรถมีน้ำหนักเพียง 1,422 กิโลกรัม ช่วยให้ระยะเบรกจาก 100-0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีระยะเพียง 31.9 เมตร มาพร้อมเทคโนโลยี Lamborghini Dinamica Veicolo Integrata (LDVI) ระบบสมองกลอัจฉริยะที่ประมวลผลความต้องการล่วงหน้าของผู้ขับขี่จากการใช้งานตัวรถตามโหมดการขับขี่ จากนั้นจึงสั่งการควบคุมประสิทธิภาพการทำงานระบบต่างๆ ของตัวรถ เช่น ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบเลี้ยวล้อหลัง เพื่อการตอบสนองที่รวดเร็ว ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างสมบูรณ์แบบในทุสถานการณ์ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมประสิทธิภาพของหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม 5 เท่า นอกจากนี้ ยังมีระบบ Infotainment มาพร้อมจอทัชสกรีนขนาด 8.4 นิ้ว ที่บริเวณคอนโซลกลาง รองรับฟีเจอร์การเชื่อมต่อมากยิ่งขึ้น เพื่อวิวัฒนาการเหนือระดับสู่สุนทรียภาพแห่งการขับขี่สูงสุด ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 24.59 ล้านบาท
2. Lamborghini Urus (ลัมโบร์กินี อูรุส)
Super SUV คันแรกของโลก ที่ถ่ายทอด DNA ของลัมโบร์กินีอย่างแท้จริง ผสมผสานกับความเอนกประสงค์ของรถ SUV ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะอันทรงพลัง ที่มาพร้อมกับนิยามว่า “SINCE WE MADE IT POSSIBLE” ด้วยเครื่องยนต์ V8 Twin-turbo ให้พละกำลัง 650 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ที่มาตั้งแต่รอบต่ำ ส่งผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ไปยังระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ ชม. ในเวลาเพียง 3.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดกว่า 300 กม./ ชม. ดังนั้น อูรุสจึงมาพร้อมจานเบรกแบบคาร์บอนเซรามิกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาด 440 มม. ในด้านหน้า และขนาด 370 มม.ในด้านหลัง ทำให้ระยะเบรกจาก 100-0 กม./ ชม. มีระยะเพียง 33.7 เมตรเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถควบคุมความดุดันของอูรุสผ่าน Tamburo – Lamborghini driving dynamics control ได้ถึง 4 โหมด และยังปรับแต่งรูปแบบการขับขี่ได้ตามความต้องการของผู้ขับขี่ผ่าน EGO mode นอกจากนี้ ยังสามารถติดตั้งโหมดพิเศษเพิ่มเติม อย่างโหมด Terra (ออฟโรด) และโหมด Sabbia (ทะเลทราย) ที่ช่วยให้ทุกเส้นทางเป็นเรื่องสนุกสำหรับคุณ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 23.42 ล้านบาท
3. “Lamborghini Aventador SVJ” (ลัมโบร์กินี อเวนทาดอร์ เอสวีเจ)
รถยนต์แบบโปรดักชั่นที่สามารถทำลายสถิติเวลาต่อรอบเร็วที่สุดในสนามแข่งระดับโลก อย่างสนามนูเบิร์กริง (ด้วยเวลาเพียง 6.44.97 นาที) ใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร ที่สามารถรีดพละกำลังสูงสุดถึง 770 แรงม้า ช่วยให้ทะยานจาก 0-100 ภายในเวลาเพียง 2.8 วินาที มาพร้อมกับระบบอากาศพลศาสตร์ ALA (Aerodynamica Lamborghini Attiva) 2.0 ที่ถูกพัฒนาให้ทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและมีประสิทธิภาพในการจัดการอากาศได้ดีกว่ารุ่น อเวนทาดอร์ เอสวี ถึง 40% ส่งผลให้อเวนทาดอร์ เอสวีเจ เป็นกระทิงเปลี่ยวที่ดุดันที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ลัมโบร์กินี โดยลัมโบร์กินี อเวนทาดอร์ เอสวีเจ เป็นรถลิมิเตด อิดิชั่นมีเพียง 900 คันทั่วโลก สำหรับราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 44.5 ล้านบาท