Last updated: 4 พ.ย. 2562 | 1274 จำนวนผู้เข้าชม |
อัครยนตรกรรมที่สุดของความหรูหรามีระดับ ควบคู่อารณ์สปอร์ต กับ ดิออล์นิว เบนท์ลีย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์
· เจนเนอร์เรชั่นที่สามของ รถสปอร์ต์สี่ประตูของเบนท์ลีย์
· นำเสนอความนุ่มลึกมีระดับกับรูปทรงสปอร์ต และ รูปโฉมใหม่ในลักษณะ ลีมูซีน
· โลโก้ ฟลายอิ้ง บี ที่ดีไซน์ใหม่ คงไว้ซึ่งเรื่องราว และความทันสมัย
· สร้างสรรค์ประสบการณ์เหนือระดับ ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย การเชื่อมต่อที่ไร้ขีดจำกัด ความสะดวกสบายของผู้โดยสาร พร้อมบาร์สุดหรูที่ห้องโดยสารด้านหลัง ที่ถูก ออกแบบอย่างทันสมัย ตามแบบฉบับของ Grand Touring sedan
· ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อครั้งแรกของเบนท์ลีย์ พร้อมเพิ่มระบบ เอ็กทีพไดนามิคไดรว์
· เพิ่มระบบ Driver-focused ที่เชื่อมต่อความโดดเด่นของเทคโนโลยี และงานฝีมืออันปราณีตบรรจงที่ลงตัว
· ฟลายอิ้ง สเปอร์นี้ได้ถูกดีไซน์ พัฒนาทางด้านวิศวกรรม และงานฝีมือจากประเทศอังกฤษ
ครูว์, ประเทศอังกฤษ) เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เผยข้อมูลอัครยนตรกรรม สปอร์ตซีดานล่าสุด ดิออล์นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ ที่นำเสนอความลงตัวของรถลีมูซีนและอารมณ์สปอร์ตซีดาน อีกทั้งยังนำเสนอ ความเป็นผู้นำระดับโลกในความปราณีตบรรจงของงานฝีมีระดับปรมาจารย์ของเบนท์ลีย์ ทั้งคุณภาพภายในตัวรถและดีไซน์ ไม่ว่าจะเป็นด้านคนขับหรือผู้โดยสารก็ตาม
เอนเดรียน ฮอลมาร์ค กล่าวว่า “หลังจากเบนท์ลีย์ได้เปิดตัว เดอะ นิว คอนทิเนนทัล จีที นั้น ฟลายอิ้ง สเปอร์ได้มีการต่อยอดการพัฒนาเทคโนโลยีและ งานฝีมือ โดยรุ่นดังกล่าวได้นำเสนอทั้งสมรรถนะและ ความปราณีตบรรรจงอย่างครบถ้วน”
การออกแบบดีไซน์ของรุ่นฟลายอิ้ง สเปอร์นั้นได้ถูกคัดสรรบรรจงจากบ้านของเบนท์ลีย์ที่เมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ โดยนำเสนอ ความโดดเด่นไม่เหมือนใครทั้ง เทคโนโลยีที่ล้ำยุค ความงดงามของหัตถกรรมจากปรมาจารย์ที่ประเทศอังกฤษ โดยรุ่นล่าสุดนี้ยังโดดเด่นในการรังสรรค์ ความงดงามของ อัครยนตรกรรมสปอร์ตซีดานที่ไม่เคยสร้างมาก่อน
เดอะออล์นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ นั้นได้ถูกสรรค์สร้างมาให้นำเสนอดีไซน์ดั่งการแกะสลัก แต่ยังคงไว้ซึ่งความทันสมัย และมีสัดส่วนโครงสร้างที่แข็งแรง ที่เป็นความโดดเด่น ของเจเนอเรชั่นนี้ โครงสร้างของไฟหน้า LED ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแก้วคริสตัล และล้อมไปด้วยแผ่นโลหะเคลือบโครเมียม พร้อมไฟท้ายแบบใหม่ถูกออกแบบมาเป็นรูป ตัวอักษร B อีกทั้งล้อใหม่ขนาด 22 นิ้ว ที่ออกแบบมาเพื่อบุคลิกที่แสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าของ ดิออล์นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์
ทั้งนี้การออกแบบใหม่ของ โลโก้ ฟลายอิ้ง บี ในศตวรรษนี้ ที่กระจังหน้านั้น ได้ถูกปรับให้มีความทันสมัยขึ้น ซึ่งเป็นครั้งแรกของ ฟลายอิ้ง สเปอร์ที่ได้ถูกออกแบบมาให้มีความงดงามโฉบเฉี่ยว เสนอรูปลักษณ์ของความมีคุณภาพของรถรุ่นนี้
พลังฝีมือทางด้านเทคโนโลยี ของเดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์นั้น ไม่เป็นสองรองใคร โดยได้ถูกกำหนดให้เป็น รถแกรนด์ทั่วริ่งซีดาน ที่มีความหรูหราที่สุดในตลาดปัจจุบันนี้ โดยนำเสนอทั้ง เทคโนโลยีขั้นสุด ที่ผสานโครงรถยนต์ อะลูมิเนียม และ ระบบการควบคุมไฟฟ้า ถึง 48 โวลต์เข้าด้วยกัน
การขับเคลื่อนของเดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์นั้นถูกออกแบบให้เป็นการคลับเคลื่อนแบบสี่ล้อ ควบคู่ไปกับระบบ Active All-Wheel Drive และ Bentley Dynamic Ride ทำให้ผลการตอบสนอง ของระบบควบคุมนั้นมีประสิทธิภาพมาก มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนใหม่ โดยใช้แอร์สปริงแบบ Three-chamber ทำให้ระบบช่วงล่างนั้นสามารถนำเสนอได้ทั้ง ความนุ่นลึกแบบรถลีมูซีน และยังสามารถตอบสนองอารมณ์การขับขี่แบบสปอร์ตได้อย่างลงตัว โดยเน้นประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับที่ไม่เคยพบในรถในรุ่นเซ็กเมนท์นี้มาก่อน
นอกจากนั้นฟลายอิ้ง สเปอร์ ยังนำเสนอตัวช่วยในการขับขี่อีกหลายระบบ ทั้งแบบมาตรฐาน ที่รวบรวมฟังก์ชั่นต่างๆ อย่าง Traffic Assist, City Assist and Blind Spot Warning โดยที่ระบบเบรคของเบนท์ลีย์นั้น ได้รวบรวมระบบรักษาความปลอดภัยชั้นสูง โดยมีการใช้วัสดุชั้นเยี่ยมหลากหลาย
โดยหัวใจหลักของเครื่องยนต์ เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ นั้นได้ใช้ระบบขับเคลื่อนใช้ขุมพลังบล็อก W12 สูบ ความจุ 6.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ ชาร์ต ระบบเกียร์ ดูโอคลัช 8 สปีด ระบบTSI เพิ่มพละกำลังที่ 635 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร ทำความเร็วที่ 0-100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมงที่เวลา 3.8 วินาทีและ ความเร็วสูงสุดที่ 333 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง
ในส่วนของ ช่วงล้อนั้นเดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ ได้เพิ่มความยาวขึ้น 130 มิลลิเมตร ส่งผลให้มีห้องโดยสารที่กว้างขึ้น เพิ่มความหรูหราให้กับห้องโดยสาร นอกจากนั้นยังมีความวิจิตรบรรจง จากการตกแต่งโดยแผ่นไม้วีเนียร์ ทั้งแบบสีเดียว และแบบทูโทนให้เลือก โดยในส่วนออฟชั่นนั้น ยังรวมไปถึง การปักของเบาะหนัง Mulliner Driving Specification ในรูปแบบของเพชรอีกด้วย ซึ่งเป็นครั้งแรกในโลกที่มีการปักลวดลายเพชร 3 ชั้นในส่วนประตูข้าง
ความโดดเด่นของเทคโนโลยี นั้นเดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ ก็ไม่เป็นสองรองใคร ฝีมืออันประณีตบรรจงทีมวิศวกรรมชั้นครูก็ยังผสานความสบายและสนุกของผู้โดยสารด้วยการรังสรรค์ หน้าจอดิจิตอลคมชัดแบบทัชสกรีน (HD Digital ) พร้อมกับหน้าปัดแบบ rotating display ที่คอลโซลกลาง ขนาด 12.3 นิ้ว อันประดับไปด้วยไม้วีเนียร์ พร้อมไปด้วย รีโมตคอนโทรล ของหน้าจอทัชสกรีนที่ควบคุมคำสั่งได้จากผู้โดยสารด้านหลัง ทั้งหมดนี้ทำให้ เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์เป็นยนตรกรรมชั้นเอกที่มีความทันสมัยของนวัตกรรม และให้ความรู้สึกหรูหราตลอดการเดินทาง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการความทันสมัย ภายในยังสามารถเลือกหลังคาแก้วแบบพาโนรามิครูฟ ซึ่งมีความยาวตลอดหลังคารถอีกด้วย
ฟลายอิ้ง สเปอร์– นิยามใหม่แห่งการดีไซน์
ความโดดเด่นของการออกแบบของฟลายอิ้ง สเปอร์ นั้น ได้ถูกออกแบบมาอย่างใหม่หมดจด ด้วยรูปทรงที่ทันสมัยไร้ที่ติ โดยมีการเพิ่มความยาวของฐานล้อเพิ่ม 130 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับ เจเนอเรชั่นที่ 2 ของโมเดลนี้ เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ นั้นถูกจัดให้มีความเข้มแข็งขึ้น บึกบึนในส่วนของเส้นหลัก ที่คมชัดและลากผ่านตัวรถ
เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ได้ถูกยกพื้นและสร้างขึ้นใหม่ โดยมีโครงสร้างที่ทำจากอะลูมิเนียม และออกแบบประติมากรรม ของเส้น power line ตามต้นแบบของรุ่น เดอะ คอนทิเนนเทิล จีที
โดยทีมวิศวกรรมของเบนท์ลีย์ได้นำเทคโนโลยีล่าสุดในการ อัดอะลูมิเนียม และหล่อพร้อมกับเหล็กที่มีความแข็งแรงสูง จึงได้ออกมาเป็น ตัวรถที่มีความแข็งแรง หนึบแน่น เพิ่มความแข็งแรงและการทรงตัวที่ดีของรุ่นนี้
การรังสรรค์พิเศษสุดนี้ยังมีความโดดเด่นไปด้วยกันกับ ไฟหน้า LED ที่ยังคงรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่างการออกแบบแบบคริสตัลคัท พร้อมด้วยวัสดุโครเมี่ยม ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ไฟหน้ามีความเงา ประกายแม้จะไม่ได้เปิดไฟ ด้านหลังของไฟท้ายรถยังถูกออกแบบให้มีไฟท้ายที่มี ตัวอักษร กราฟิค B ล้อมไปด้วย ลวดลาย diamond knurling ที่พบในช่องแอร์ภายในรถ อีกทั้งนำเสนอยังออฟชั่นมาตรฐานของล้อขนาด 21 นิ้ว และตัวเลือกออฟชั่นพิเศษอย่าง ล้อ 22 นิ้วจากMulliner อีกด้วย
เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ ยังนำเสนอหลังคาแก้วพาโนรามิครูฟ โดยแผงด้านหน้าสามารถสไลด์ไปคลุมเหนือ แผงด้านหลังได้อีกด้วย ซึ่งในรุ่นนี้ยังเพิ่มในส่วนหนังแผงกัน Alcantara ที่เคลื่อนด้วยระบบอิเล็กทริคมาพร้อมกับสีวัสดุบุหลังคาที่มีให้เลือกแมช ถึง 15 สีอีกด้วย
โลโก้ ฟลายอิ้งบี ที่ใช้ตกแต่งหน้าคันรถนั้น ยังถูกออกแบบใหม่หมดจดในสไตล์ทันสมัยโดยออกแบบมาเฉพาะ ในโอกาสที่เบนท์ลีย์เฉลิมฉลองครบ 100 ปี โดยเน้นไปยังความหมายของวิวัฒนาการของ แบรนด์ในศตวรรษที่กำลังจะถึงนี้ โดยโลโก้ที่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวด้วยระบบอิเล็คทรอนิกส์นี้ สัมพันธ์กับ ไฟหน้ากระพริบ เมื่อเจ้าของรถเดินเข้าไปใกล้
เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์นำเสนอ สีมาตรฐานของเบนท์ลีย์ถึง 17 สี โดยถูคัดสรรให้เหมาะเจาะกับ บุคลิกและลายเส้นที่ถูกออกแบบมาของรถ
ห้องโดยสาร อันหรูหราด้วยฝีมือปราณีตบรรจง
การออกแบบภายในของ เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ นั้นเป็นต้นแบบที่แสดงให้เห็นถึงฝีมือชั้นครูของเบนท์ลีย์ โดยเป็นผู้นำของความหรูหรา และ เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอย่างไร้ซึ่งคู่เปรียบเทียบ ด้วยความโดดเด่นของสไตล์ ที่มาพร้อมกับเก้าอี้ที่ให้ความสบาย และแหวกแนวด้วยการปักที่นำเสนอสีด้ายกว่า 15 เฉดสี อีกทั้งคอนเซปต์ Bentley’s ‘Wing’ ที่สองข้างของปีกอันทรงพลังพาดผ่านคอนโซลหน้าและแผงหน้าปัดด้านหน้าของรถ
นอกจากนั้นยังมีไม้วีเนียร์ ที่ประดับบริเวณแผงหน้าปัดรถยนต์ และบริเวณประตูของรถ ส่งผลให้รถดูกว้างขึ้นอีกด้วย มาพร้อมกับ คอลโซลกลางที่มีหน้าจอขนาด 12.3-นิ้ว ในระบบสัมผัสทัชสกรีนแบบ HD ที่ดูสมดุลย์ไปกับช่องแอร์ทั้งด้านหน้าและหลัง ที่นำเสนอความไร้ที่ติของเทคโนโลยี กับที่ชาร์ต wireless และ ปลั๊กชาร์ต USB อีกสองจุดสำหรับอุปกรณ์สื่อสารอีกด้วย
อีกทั้ง ยังมีจอดิจิทัลอเนกประสงค์สุดล้ำของเบนท์ลีย์คือ Bentley Rotating Display ที่ประกอบด้วยทัชสกรีน 12.3 นิ้ว ติดตั้งบนหน้าปัด 3 ด้านแบบหมุนได้ ผู้ขับจึงสามารถสลับผลัดเปลี่ยนระหว่างลายไม้วีเนียร์, ทัชสกรีนอเนกประสงค์ หรือมาตรวัดแบบอนาล็อก 3 ช่องสุดคลาสสิค ที่แสดงผลของ อุณหภูมิ เข็มทิศ และนาฬิกา ซึ่งความหรูหรา สง่างาม พร้อมรายละเอียดสุดประณีตซึ่งจะพบได้ใน เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์อีกด้วย
การปักของหนังเบาะรถลายใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Bentley EXP 10 Speed 6 ถูกนำเสนอผ่านลาย Three-dimensional diamond นั้นยังสามารถพบได้บริเวณประตูเป็นครั้งแรก เท่านั้นยังไม่พอเบนท์ลีย์ยังนำเสนอลาย Diamond knurling ในส่วนช่องแอร์ และยังถูกประดับไว้ล้อมรอบนาฬิกาอีกด้วยรวมไปถึง ชุดของคำสั่งของชุดซอฟแวร์ใหม่ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นสำหรับความโค้งของท่อต่างๆ
ลายไม้วีเนียร์ลายใหม่ Crown Cut Walnut ได้ถูกนำเสนอให้เป็นออฟชั่นหนึ่งของฟลายอิ้ง สเปอร์ โดยลายนี้มีความโดดเด่นในความทันสมัย และยังมีตัวเลือกเพิ่มกับ Dark Fiddleback และ Piano Black สำหรับท่านที่ชอบ ลายไม้ทูโทนยังสามารถสั่งได้ตามใจนึก โดยสามารถเลือกประเภทไม้ที่ประดับห้องโดยสารได้อย่างใจ
ทางเลือกแดชบอร์ดออกแบบให้ยาวและดูพลิ้วไหว คล้ายโลโก้รูปปีกนกของเบนท์ลีย์ยังมีให้เลือก พร้อมสีที่สวยงดงามสง่า ที่เชื่อมต่อระหว่างด้านหน้าและด้านหลัง อีกทั้งยังมีออฟชั่นใหม่ล่าสุด Mood Lighting ที่สามารถเลือกสีไฟภายในสร้างบรรยากาศได้ถึง 7 สีด้วยกัน
เก้าอี้ใหม่ของ เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์นั้น ยังมีระบบฟังก์ชั่นต่างๆ อาทิ ระบบทำความร้อน, ระบบระบายอากาศ,ระบบเก้าอี้นวด ระบบปรับเบาะเอียงด้านบน ซึ่งมาพร้อมกับตัวเลือกของ Mulliner Driving Specification ที่ละเมียดละไมไปด้วย การปักและถักทอของปรมาจารย์ชั้นครูจากเบนท์ลีย์
โดยเบาะหลังยังให้ความรู้สึกกว้าง พร้อมที่จะปกป้องทุกที่ที่ไป โดยเบาะหลังนั้นยังมีที่พักแขนในส่วนกลาง และที่พักคอที่สามารถพับเก็บได้อีกด้วย
เผยโฉม ความปราดเปรียวที่ทรงกำลัง
เบนท์ลีย์ เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์นั้น เปิดตัวด้วยเครื่องยนต์เบนซิน ดับเบิลยู12 สูบ ทีเอสไอ 6.0 ลิตร ซึ่งคิดค้น พัฒนา และประกอบด้วยมือที่เมืองครูว์ นับเป็นเครื่องยนต์ 12 สูบ ที่ตั้งมาตรฐานใหม่ ของพละกำลัง ความคล่องแคล่ว และความมีชีวิตชีวาของเครื่องยนต์ เครื่องยนต์ ดับเบิลยู12 สูบ ที่วางตัวในรูป W นั้น ประหยัดพื้นที่ในเครื่องยนต์มากกว่าการเรียงตัวแบบ V ทำให้เพิ่มการกระจายน้ำหนัก และ ยังเพิ่มขนาดของห้องโดยสารอีกด้วย
ขุมพลังบล็อกใหม่ ระบบส่งกำลังรถยนต์ของฟลายอิ้ง สเปอร์นี้ ถูกคิดค้นมาด้วยเทคโนโลยีแบบใหม่ ที่เพิ่มกำลังอย่างเห็นเด่นชัดจากรุ่นก่อนหน้า โดยทำแรงม้าได้ถึง 635 PS หรือ 626 bhp แรงบิด 900 นิวตันเมตร (664 ฟุต-ปอนด์) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที (0-60 ไมล์ ใน 3.7 วินาที) ความเร็วสูงสุด 333 กม./ชม. (207 ไมล์/ชั่วโมง)
การที่เบนท์ลีย์ เลื่อนตัวรถช่วงหน้าไปด้านหน้ามากขึ้นนั้นช่วยให้การกระจายน้ำหนักของรถดีขึ้น เพิ่มความแม่นยำในการขับขี่ การทรงตัวที่มั่นคง กับการขับเคลื่อนสี่ล้อ และการนำระบบเลี้ยวทั้ง 4 ล้อ ในระบบ Bentley Dynamic Ride
เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ มาพร้อมกับ ระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ ZF แปดจังหวะเหมือนกับรุ่น เดอะ คอนติเนนทัล จีที ให้อัตราเร่งที่ลื่นไหลไร้อาการสะดุด สร้างความประทับใจแก่ผู้ขับขี่ด้วยการเปลี่ยนอัตราทดที่รวดเร็ว กระชับ ฉับไว อันเป็นบุคลิกเฉพาะตัวของ เดอะ คอนติเนนทัล จีที มายาวนาน นอกจากนี้ประสิทธิภาพของระบบเกียร์ยังส่งผลต่ออัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ให้ความประหยัดมากยิ่งขึ้น ลดการแทรกแทรงของระบบทอร์ค เมื่อความเร็วสูงสุดได้บรรจบกับกับเกียร์หกแล้ว ตำแหน่งเกียร์สูงสุดของระบบเกียร์ในเกียร์ เจ็ดและเกียร์ แปด จะถูกใช้ในระบบ economic grand touring
ในรุ่นฟลายอิ้ง สเปอร์ รุ่นก่อนนั้น ได้ใช้ระบบ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ด้วยอัตราส่วน 60:40 สำหรับแกนช่วงหลังและหน้า โดยโมเดลใหม่ได้ปรับปรุงระบบคลัช ที่ตอบสนองการขับขี่ในล้อหลัง โดยสัมพันธ์กับ สภาพถนนโดยผันตรงอย่างอัตโนมัติ กับแกนหน้าของรถ เมื่อระบบขับเคลื่อนสี่ล้อได้ โดยช่วงหน้าของ เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์มีความเบาลงเป็นอย่างมาก การเลี้ยวของพวงมาลัยเมื่อสัมพันธ์กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแล้วนั้น ทำให้การทรงตัวของรถนั้นมีความสมดุลย์อย่างดี
แรงบิดของรถนั้นมีการผันแปรโดยตรงกับ Drive Dynamics Mode ทั้ง โหมด Comfort และ Bentley โดยระบบนี้ได้ส่งพลังกว่า 480 นิวตันเมตร โดยช่วงหน้าได้นำเสนอการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม ในโหมด Sport นั้น ได้ส่งพลังแรงบิดสำหรับช่วงหน้า 280 นิวตันเมตรซึ่งคงไว้กับพลังแรงบิดที่ช่วงหลัง ให้พลังที่มากขึ้น โดยกำลังบิดนี้ได้รับผลโดยตรงจาก ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง ช่วยให้เบรกได้อย่างสมดุลย์แม้ในการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง
ระบบการนำระบบเลี้ยวทั้ง 4 ล้อเป็นเทคโนโลยีใหม่ของเบนท์ลีย์ ที่ช่วยในการขับขี่ที่มั่นคงทั้ง การขับรถความเร็วสูงในไฮเวย์ และ การขับนรถในเมือง ระหว่างการขับเคลื่อนในความเร็วต่ำนี้ ระบบนำทางของล้อหลังจะทำงานตรงกันข้ามกับล้อหน้า ช่วยลดความกว้างของวงเลี้ยว เพิ่มความคล่องตัว และช่วยให้การจอดรถนั้นสะดวกยิ่งขึ้น
ในระหว่างที่รถเคลื่อนตัวในความเร็วสูง ระบบจะจัดระดับการเคลื่อนไหว ของล้อหลังที่สัมพันธ์กับล้อหน้า โดยเพิ่มความมั่นคงในการเปลี่ยนเลน ของรถได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้นระบบการควบคุมสี่ล้อยังมีความมั่นคงไม่อะลุ่มอะล่วยในความแรงไม่ว่าจะเป็นในช่วงที่รถอยู่ในความเร็ว หรือเคลื่อนตัวในความเร็วต่ำก็ตาม
เจนเนอร์เรชั่นที่สามของ ดิออลนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์นั้น ถูกพัฒนาให้ใช้ระบบ แอร์สปิงแบบสามห้อง ที่ประกอบไปด้วย ลมกว่า 60 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ระบบนี้ส่งผลให้รถ สามารถเน้นการทำงานในระบบสปอร์ตได้ดีขึ้น เกาะพื้นถนนได้ดี แถมยังคงรูปแบบของรถลีมูซีนอันหรูหรา ตามโหมดการทำงานที่ผู้ขับได้เลือก ในรุ่นใหม่นี้ยังเพิ่มในระบบฟีเจอร์ CDC (Continuous Damping Control) ที่ลดการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์อีกด้วย
นอกจากนี้ ฟลายอิ้ง สเปอร์ยังได้นำเสนอ ระบบเซ็นเซอร์รอบคัน ที่สามารถวัด ระยะระหว่างแกนกลางกับตัวรถ ในกรณีที่ระบบจับความแตกต่างในระดับความสูงปรกติ ระบบอากาศ ในสปริงจะถูกฟื้นฟูให้เหมาะกับระดับปรกติอย่างสมบูรณ์
ระบบ Bentley Dynamic Ride System ได้ถูกออกแบบและพัฒนาระบบการทรงตัว และ ความนุ่มสบายมากขึ้น ระบบนี้มาพร้อมกับการควบคุมของกระแสไฟ 48 โวลต์ โดยจัดการความหนึบแน่น ของเหล็กกันโคลงเพิ่มการเกาะตัวของรถ ตามคำสั่งของการเข้าโค้ง และปรับให้ฟลายอิ้ง สเปอร์นั้นมีความเสถียรเช่นเดิม
ในรุ่นนี้ยังนำเสนอความพิเศษที่ได้นำจุดเด่นของ จากเบรคทำจากวัสดุเหล็ก ที่ใหญ่ที่สุดของรุ่นContinental GT ที่มีขนาด 420 มิลลิเมตร โดยจานเบรคคาลิปเปอร์ ยังมีชื่อของเบนท์ลีย์ อยู่บนตัวจาน ทั้งในแบบมาตรฐานสีดำเงา และ ออฟชั่นในสีแดงเงาอีกด้วย
นอกจากนั้น เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ ยังให้เสียงท่อที่เร้าใจไม่แพ้ดีไซน์ของมัน ซึ่งได้ผลพวงมาจาก ท่อไอเสียแบบ adaptive ที่ควบคุมระบบลิ้นลูกสูบ และการเคลื่อนตัวของทางเดินลมและแก๊ส ในช่วงการควบคุมด้านหลังของตัวรถที่ถูกจูนมาแล้ว ให้มีการแสดงผลของท่อไอเสีย ให้คนขับได้ทราบถึงสภาวะต่างๆของรถอีกด้วย
เทคโนโลยี อัน ชาญฉลาด ของ ดิออลนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์
เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ คือยนตกรรมที่บ่งบอกถึงความล้ำหน้า และวิวัฒนาการของเทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากเบนท์ลีย์ แผงหน้าปัทม์ดิจิตอลเต็มรูปแบบ และ Bentley Rotating Dispaly หน้าจอแสดงผลสำหรับการสื่อสารข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ขับขี่ ความคมชัดจากหน้าจอระบบสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว ในระบบHD ที่มีเซนเซอร์โดยหน้าจออัจฉริยะสามารถนำเสนอทั้งหน้าจอเดียวและ หน้าจอในอัตราสวน 2:1 หรือ สามารถโชว์ ผลได้ถึง 3 ฟังก์ชั่น ในHome screen
เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์นั้น ประกอบด้วยระบบการช่วยเหลือผู้ขับที่ครบครัน ทั้ง Traffic Assist, City Assist และ Blind Spot Warning พร้อมกับระบบช่วยเหลือการมองยามค่ำคืนที่เพิ่ม Head Up Display ที่ช่วยให้ผู้ขับสามารถโฟกัสถนนข้างหน้าTop View Camera กล้องติดรถคุณภาพสูงที่ช่วยทำให้ผู้ขับขี่บันทึกเหตุการณ์บนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นขณะขับขี่โดยรอบหรือจอดรถ และระบบถอยจอดรถอัตโนมัติอีกด้วย
นอกเหนือจานั้นยังมีเทคโนโลยี LED Matrix แต่ในส่วนของดีไซน์รูปทรงโคมไฟหน้ากลับรักษาความคลาสสิกและลำแสงไฟ พื้นผิวภายในโคมไฟโปร่งใส สวยงาม ให้ความสว่างสดใส และการตัดแสงโดยหลีกเลี่ยงแสงแยงตาจากรถฝั่งตรงข้าม
ด้านหลังของผู้โดยสาร เบนท์ลีย์ได้เพิ่มหน้าจอที่มาพร้อมกับรีโมตคอนโทรล ที่ทำจากวัสดุชั้นดี ที่ใช้สะดวก วางไว้แนบกับคอนโซล โดยสามารถกดปุ่มเพื่อดึงออกมาหากต้องการใช้เป็นรีโมต นอกจากนี้รีโมตคอนโครลอัจฉะริยะยัง สามารถควบคุมระบบอื่นๆของ รถได้อีก ด้วยอาทิ ฉากกั้น เก้าอี้นวดด้านหลัง ระบบควบคุมอุณหภูมิของผู้โดยสาร และ ควบคุมไฟ Mood Lighting ในรถอีกด้วย
เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ใหม่นั้น นำเสนอ ระบบเสียงทั้งสิ้น 3 แบบ ไม่ว่าจะมาตรฐาน ที่ให้ลำโพง 10 ตัว ระบบไฟ 650 วัตต์ หรือเครื่องเสียงชั้นนำ Bang & Olufsen 1,500 วัตต์ ที่มาพร้อมกับลำโพง16 ตัว กับแผงประดับ ที่ให้ความสวยงาม นอกจากนี้ ยังเพิ่มระบบ BeoSonic system ทางเลือกใหม่ที่ปรับระดับเสียงเพียงสัมผัส
และแน่นอนกับระบบเครื่องเสียง Naim 2,2000 โวลต์ กับลำโพงถึง 19 ตัว พร้อมเครื่องแปลงความถี่ของเสียง โดยติดตั้งไว้หน้าที่นั่งทั้ง 2 ข้าง ให้ความคมชัดของเสียงและสามารถปรับเสียงได้ถึง 8 โหมดด้วยกัน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เบนท์ลี่ย์ ประเทศไทย, บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ที่โชว์รูม CTI Tower โทร. 02 261 1050 และที่โชว์รูม Siam Paragon โทร. 02 610 9880 สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของทางเบนท์ลี่ย์ประเทศไทยได้ที่:
เว็ปไซด์: http://bangkok.bentleymotors.com
Facebook: www.facebook.com/bentleybangkok
ข้อมูลทางเทคนิค
Engine
Configuration 6.0-litre twin-turbocharged W12 TSI
Capacity 5950 cc / 363 cubic inches
Induction 2x twin-scroll turbochargers, direct intercooling
Power 635 PS / 626 bhp / 467 kW
Torque 900 Nm / 664 lb.ft
Bore x stroke 84 mm x 89.5 mm / 3.3” x 3.52”
Top speed 207mph (333 kph)
0-60 mph 3.7 s
0-100 kph 3.8 s
General Data and Dimensions
Length 5316 mm
Width 1978 mm
Height 1484 mm
Wheel-base: 3194 mm
Vehicle Weight 2437 kg unladen
*All data is subject to final certification.
เกี่ยวกับเบนท์ลี่ย์ ประเทศไทย โดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส
เบนท์ลี่ย์ ประเทศไทยโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทน จำหน่ายรถยนต์เบนท์ลี่ย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ให้ ความสำคัญ
สูงสุดกับการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าเบนท์ลี่ย์ทุกท่านและรถยนต์ เบนท์ลี่ย์ทุกคัน ด้วยทีมวิศวกรที่มีความชำนาญและประสบการณ์สูงนานกว่า 27ปี เอเอเอสได้จัดสรร
งบประมาณจำนวนมากเพื่อจัดส่งวิศวกรไปฝึกอบรมที่โรงงานเบนท์ลี่ย์ทุกปีทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจ ให้กับเจ้าของรถเบนท์ลี่ย์ทุกท่านตาม นโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอสดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” และให้ชื่อ AAS เป็น “The Name you can Trust” มานานกว่า 27 ปี