Last updated: 4 พ.ย. 2562 | 923 จำนวนผู้เข้าชม |
น้อยครั้งนัก ที่บรรดานักสะสมสินค้าลักซ์ชัวรีจะมีโอกาสได้ครอบครองชิ้นงานซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากพูดถึงยนตรกรรมจากโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์สแล้ว โอกาสอันหาได้ยากเหล่านี้แทบจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบทศวรรษเท่านั้น โรลส์-รอยซ์ให้ความสำคัญกับงานฝีมืออันไร้ที่ติและความสมบูรณ์แบบเสมอมา และไม่มีโอกาสไหนจะเหมาะสมไปกว่านี้ที่จะเฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จและกระแสตอบรับที่ดีจากทั่วโลกที่มีให้กับหนึ่งในสุดยอดยนตรกรรมของโรลส์-รอยซ์ มาโดยตลอด
ในโอกาสที่โกสต์ได้เข้าใกล้จุดสิ้นสุดของเส้นทาง 10 ปีแห่งความภาคภูมิ ทางแบรนด์จึงได้เติมเต็มคอลเลกชันด้วยยานยนต์สุดพิเศษจำนวนจำกัด กับโกสต์ เซนิธ รุ่นพิเศษสำหรับนักสะสมโดยเฉพาะ ซึ่งโกสต์ เซนิธ เพียง 50 คัน จะถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองความสง่างามอันไร้กาลเวลาของรถยนต์ที่กลายเป็นสัญลักษณ์สะท้อนความร่วมสมัยของโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส โดยโกสต์ เซนิธ คอลเลกชัน จะถูกสรรสร้างด้วยความชำนาญและเทคนิครถยนต์สั่งผลิตระดับสูงสุดที่เคยมีมาในยนตรกรรมรุ่นโกสต์
วาระพิเศษที่เป็นที่จับตามองของนักสะสมสายตาเฉียบคมจากทั่วโลกเช่นนี้ เคยเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว คือเมื่อครั้งที่ยนตรกรรมแฟนธอม 7 เซนิธ ได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นแบบเอ็กซ์คลูซีฟเช่นเดียวกันเมื่อปี 2559 เพื่อเฉลิมฉลองปัจฉิมบทของยุคสมัยอันรุ่งโรจน์และยาวนานของแฟนธอม เจนเนอเรชันที่ 7 โดยยนตรกรรมคอลเลกชันดังกล่าวได้กลายเป็นของสะสมและเป็นที่ต้องการอย่างล้นหลามแทบจะในทันทีที่เปิดจอง นับเป็นการยกระดับขีดจำกัดของความหรูหราและสร้างตำนานบทใหม่ของแวดวงยนตรกรรมอัลตราลักซ์ชัวรี
โกสต์ คือลักซ์ชัวรีไอคอนที่เปี่ยมไปด้วยประวัติอันรุ่งเรืองและไม่ธรรมดา นับตังแต่ยุคของซิลเวอร์ โกสต์ ยานยนต์ที่เคยสร้างชื่อในฐานะ ‘รถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก’ เมื่อกว่าหนึ่งศตวรรษที่แล้ว มาจนถึง 200EX รถยนต์รุ่นทดลองที่ชูแนวคิดการแสดงออกถึงความร่วมสมัยของโกสต์ ซึ่งเปิดตัว ณ งานเจนีวา มอเตอร์ โชว์ เมื่อปี 2552 โกสต์คือยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ที่มอบความทันสมัย โฉบเฉี่ยว และความใส่ใจในผู้ขับขี่ให้แก่ลูกค้าของแบรนด์ เมื่อการผลิตโกสต์เริ่มต้นขึ้นในปี 2552 ลูกค้าทั่วโลกถูกดึงดูดด้วยขุมพลังและรูปแบบดีไซน์อันงดงาม ทำให้โกสต์กลายเป็นยานยนต์โรลส์-รอยซ์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดที่เคยถูกสร้างขึ้น และยังคงเป็นเช่นนั้นจวบจนถึงทุกวันนี้ โกสต์ดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ ซึ่งได้แก่กลุ่มเจ้าของกิจการอายุน้อย อายุเฉลี่ยในหมู่ลูกค้าของโรลส์-รอยซ์ที่ลดลงเหลือประมาณ 43 ปี นับเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จระดับโลกของโกสต์
มร. ทอร์สตัน มูเลอร์-ออทเวิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส กล่าวว่า “โกสต์ เซนิธ คอลเลกชัน แสดงให้เห็นถึงการศึกษาค้นคว้าที่ก้าวหน้า ต่อลักษณะเฉพาะที่ทำให้โกสต์สามารถเลื่อนระดับขึ้นไปสู่สถานะของการเป็นรถเก๋งซูเปอร์ลักซ์ชัวรีที่ล้ำสมัยที่สุดที่เคยมีมา คอลเลกชันที่แสนโดดเด่นนี้ ได้นำเสนอโอกาสอันหาได้ยากยิ่งที่จะได้ครอบครองยนตรกรรมที่เป็นดังตัวแทนของยุคสมัยอย่างแท้จริง โกสต์คือยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ที่ประความสำเร็จมากที่สุด และเซนิธ คอลเลกชันคืออีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของโรลส์-รอยซ์”
ในปี 2552 ยนตรกรรม 200EX ที่ถูกจัดแสดง ณ เจนีวา ได้ประเดิมแนวคิดใหม่ที่ให้ความสำคัญต่อความพึงพอใจของทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โกสต์ เซนิธ คอลเลกชันได้รับอิทธิพลไม่น้อยจากยนตรกรรมดังกล่าว โดยจุดที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือแผ่นโลหะที่เป็นดังอนุสรณ์สื่อถึงยานยนต์ 200EX ผลิตขึ้นจากสัญลักษณ์สปิริต ออฟ เอ็กซ์สตาซีดั้งเดิมที่เคยถูกประดับอยู่บนรถยนต์ 200EX โดยนำมาหลอมและติดตั้งไว้บริเวณคอนโซลกลางของเซนิธทั้ง 50 คัน สลักลายเส้น 3 เส้นอันเป็นเอกลักษณ์ของโกสต์พร้อมข้อความบอกเล่าถึงที่มาของโลหะนี้ นอกจากนี้ สัญลักษณ์สปิริต ออฟ เอ็กซ์สตาซีและนาฬิกาในคอลเลกชันที่ถูกรอคอยเป็นอย่างมากนี้ ยังถูกสลักด้วยชื่อคอลเลกชันอีกด้วย
จิตวิญญาณของยานยนต์ 200EX ยังถูกปลุกขึ้นมาด้วยการสลักลายอันวิจิตรบนคอนโซลกลางของโกสต์ เซนิธ การตกแต่งและลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากพิมพ์เขียวที่ถูกขยายจนเป็นลวดลายสไตล์แอบสแตรคและถูกแบ่งส่วนเป็น 50 ส่วนเพื่อให้เจ้าของโกสต์ เซนิธแต่ละคันได้ครอบครองผลงานศิลปะที่เป็นปัจเจกไม่ซ้ำใคร แต่ขณะเดียวกันก็เชื่อมโยงทุกคันเข้าด้วยกันทำให้คอลเลกชันนี้เป็นดังการแสดงออกถึงการระลึกถึงยนตรกรรมโกสต์
สายตาทุกคู่จะถูกดึงดูดไปยังการออกแบบด้านในประตูรถยนต์ของคอลเลกชัน ด้วยช่องเก็บของประดับไฟบริเวณประตูรถ แสงไฟสว่างส่องผ่านวัสดุหนังฉลุ เสริมสร้างความงดงามทางสถาปัตยกรรมให้กับการตกแต่งภายในของโกสต์ นอกจากนั้นยังมีชิ้นงานฝีมืออันละเอียดอ่อน สรรสร้างขึ้นโดยเหล่าช่างฝีมือผู้ชำนาญทั้งชายและหญิงจากแผนกงานไม้อันโด่งดังของแบรนด์ ด้วยตัวเลือกวัสดุที่ทำจากไม้ เทคนิคัลไฟเบอร์ หรือการตกแต่งด้วยไม้แบบ piano finished งานฝีมือบนประตูที่พาดผ่านตั้งแต่บริเวณเบาะนั่งคนขับไปยังเบาะนั่งผู้โดยสาร ถูกออกแบบเพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกคนของโกสต์
สมาชิกทีม Bespoke Collective แผนกงานหนังของ Home of Rolls-Royce ก็มีโอกาสได้ลับฝีมือทางศิลปะของพวกเขาเช่นกัน เบาะนั่งด้านหลังสะท้อนถึงการตกแต่งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเบาะของซิลเวอร์ โกสต์ รุ่นดั้งเดิมเมื่อปี 2450 ซึ่งการตกแต่งอย่างงดงามนี้เริ่มต้นจากด้านหลังมาจนถึงด้านหน้าห้องโดยสาร สำหรับรถยนต์เซนิธรุ่นฐานล้อยาว เพดานห้องโดยสารที่พุ่งโค้งไปด้านหน้า สร้างแสงเงาที่สื่อถึงสัญลักษณ์สปิริต ออฟ เอ็กซ์สตาซี บริเวณเบาะนั่งได้รับการตกแต่งให้ดูโดดเด่นด้วยวัสดุหนังสีตัดกันเด่นชัด ตอกย้ำความเป็นสุดยอดยนตรกรรมลิมูซีนสี่ที่นั่งของโกสต์
ผู้โดยสารยนตรกรรมโกสต์ เซนิธ รุ่นฐานล้อปกติจะได้สัมผัสกับประสบการณ์อันเหนือระดับ ด้วยเพดานห้องโดยสารที่ตกแต่งเลียนแบบแสงดาวหรือ Starlight Headliner อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ถูกนำเสนอเป็นรูปดาวตก ส่องประกายระยิบระยับไปยังจุดต่างๆ พาดผ่านเพดานห้องโดยสาร สร้างบรรยากาศเสมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์ ซึ่งลูกเล่นอันน่าตื่นตาตื่นใจนี้ ประกอบไปด้วยเส้นใยนำแสงไฟเบอร์ออพติคกว่า 1,340 จุดที่ถูกติดตั้งด้วยมืออย่างบรรจง
แม้คอลเลกชันนี้จะทำให้หวนนึกถึงยนตรกรรมคู่ขนานกันอย่างแฟนธอม เซนิธ แต่การออกแบบภายนอกตัวรถของโกสต์ เซนิธ คอลเลกชันนี้ นับเป็นการตีความตัวตนของเซนิธด้วยแนวคิดแบบใหม่ ด้วยโทนสีภายนอกตัวรถสองสีที่มาพร้อมผิวสัมผัสอันแตกต่างของสีมันวาวแบบกลอส ลูกค้าสามารถเลือกโทนสีได้ 3 โทน ได้แก่ สีอิกวาซู บลู (Iguazu Blue) คู่กับสีแอนดาลูเชียน ไวท์ (Andalusian White), สีพรีเมียร์ ซิลเวอร์ (Premiere Silver) คู่กับสีอาร์คติก ไวท์ (Arctic White) หรือสีโบฮีเมียน เรด (Bohemian Red) สุดเร้าใจคู่กับสีแบล็ค ไดมอนด์ (Black Diamond) นอกจากนั้น ยังมีตัวเลือกอื่นๆ อีกมากมายเพื่อตอบโจทย์ความยืดหยุ่นในการรังสรรค์ยานยนต์ของตนเอง นอกจากนี้ยังมีฝากระโปรงรถผิวสัมผัสซาตินสีเงินซึ่งถูกผลิตขึ้นครั้งแรกในยานยนต์ 200EX อีกด้วย
ยนตรกรรมที่แสนพิเศษซึ่งเปรียบได้ดังโอกาสทองในการครอบครองสินค้าลักซ์ชัวรีอันล้ำสมัยนี้ กำลังอยู่ระหว่างการผลิตด้วยมือ ณ Home of Rolls-Royce ในเมืองกู๊ดวูด เวสต์ ซัสเซ็กซ์ สถานที่ซึ่งได้รับการยกย่องในฐานะศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศในการผลิตยนตรกรรมลักซ์ชัวรีของโลก