Last updated: 16 ต.ค. 2562 | 1426 จำนวนผู้เข้าชม |
มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์สมรรถนะสูงในประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในเซ็กเมนต์ของตลาดรถยนต์หรูที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการสร้างสรรค์กิจกรรมทางการตลาดของแบรนด์ต่างๆเป็นการชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของตลาดเซ็กเมนต์นี้ได้อย่างชัดเจน สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) บริษัทฯ ได้ดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ “Customer Centric” (คัสตอมเมอร์ เซ็นทริค) ที่เน้นให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อเพิ่มความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวไทยแต่ละกลุ่มได้อย่างครอบคลุม นับตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปีจนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ทำการเปิดตัวรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีรวมแล้วกว่าสิบรุ่น ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย โดยเห็นได้จากยอดขายของแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีในประเทศไทย ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 ที่โตขึ้นกว่า 200% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา”
มร. บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหารฝ่ายขาย และการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ด้วยเล็งเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของตลาดดังกล่าว พร้อมความมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ในฐานะผู้นำตลาดรถยนต์หรูจึงได้เดินเกมรุกสร้างสีสันให้กับตลาดเซ็กเมนต์ดังกล่าว โดยในครั้งนี้บริษัทฯ ได้นำเสนอ Mercedes-AMG GT C Roadster โฉมใหม่ รถยนต์สปอร์ตโรดสเตอร์ที่มีสมรรถนะดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จากการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากรถยนต์ Mercedes-AMG GT R กับระบบช่วงล่าง AMG RIDE CONTROL Sports Suspension และ โฉมใหม่ของรถสปอร์ต 4 ประตูรุ่นแรกที่เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีพัฒนาเองภายใต้แนวคิด “ชีวิตคือการแข่งขัน – Life is a race” ทุกกระบวนการอย่าง Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของความสะดวกสบาย ความเร้าใจ และสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมเพื่อการขับขี่ในทุกสถานการณ์ รวมถึงตัวเลือกเพื่อการปรับแต่งได้ตามรสนิยม และนวัตกรรมยานยนต์รุ่นล่าสุดเพื่อความสปอร์ตในทุกจังหวะ”
“และจากการเปิดตัว Mercedes-AMG GT C Roadster โฉมใหม่ และ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé โฉมใหม่ในครั้งนี้ ส่งผลให้ปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ประเทศไทย นำเสนอรถยนต์ภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG แก่ลูกค้าชาวไทยรวมจำนวนทั้งหมด 19 รุ่นย่อย ครอบคลุมรถยนต์ทุกเซ็กเมนต์ตั้งแต่รถยนต์คอมแพค รถยนต์สปอร์ต รถยนต์ซาลูน รถยนต์เอสยูวี รถยนต์สไตล์คูเป้ และรถยนต์สไตล์โรดสเตอร์ ได้แก่ Mercedes-AMG A 45 4MATIC, Mercedes-AMG CLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG C 43 4MATIC, Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé, Mercedes-AMG C 63 S Coupé, Mercedes-AMG SLC 43, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé, Mercedes-AMG GLE 43 4MATIC Coupé, Mercedes-AMG E 53 4MATIC+, Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ Coupé, Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+, Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+4-Door Coupé, Mercedes-AMG G 63, Mercedes-AMG GT S, Mercedes-AMG GT R รวมถึงรุ่นล่าสุดอย่าง Mercedes-AMG GT C Roadster โฉมใหม่ และ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé โฉมใหม่ ที่มาเสริมพอร์ทโฟลิโอในกลุ่มรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมี่ยมในประเทศไทยให้ครบครันมากยิ่งขึ้น” มร.บีเยิร์น กล่าวเสริม
Mercedes-AMG GT C Roadster โฉมใหม่
ดีไซน์ภายนอก มีการเสริมสปอยเลอร์หลังที่ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการขับขี่ในสนามแข่งรถยนต์ที่มีช่องทางวิ่งกว้าง, ล้อหลังถูกปรับให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับนวัตกรรมต่างๆ ที่เพลาหลัง และ เพิ่มประสิทธิภาพขณะเข้าโค้งและเสริมการยึดเกาะ, กระจังหน้าแบบ AMG-specific radiator trim เอเอ็มจี มีวัสดุบังคับลมชุบโครเมี่ยม 15 ซี่เช่นเดียวกับรถแข่งรุ่น Mercedes-AMG GT 3, ฝากระโปรงหน้ายาวและทรงพลัง ทำให้รถดูกว้างขวาง อีกทั้งยังมีช่องรับอากาศที่กว้าง ช่วยให้อากาศไหลผ่านเข้าสู่ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งช่องรับอากาศนี้สามารถเปิดหรือปิดตัวเองได้อัตโนมัติ ตามความเร็วของรถยนต์ที่ผู้ขับขี่กำหนดเอง นอกจากนั้นยังมีหลังคาผ้าใบ 3 ชั้นที่มีผิวสัมผัสนุ่ม มีโครงสร้างเป็นโลหะผสมแมกนีเซียมและอะลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบา โดยสามารถกางเปิดหรือเลื่อนปิดได้อัตโนมัติภายในเวลา 11 วินาที และใช้งานได้แม้ขณะรถวิ่ง ที่ความเร็วสูงสุดที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ดีไซน์ภายใน มาพร้อมกับเบาะหนัง Nappa ที่อยู่ต่ำเพื่อช่วยโอบล้อมผู้ขับขี่ให้รู้สึกราวกับอยู่ในรถแข่ง, พวงมาลัยเอเอ็มจีเพอร์ฟอร์มานซ์หุ้มหนัง Nappa และ เส้นใย DINAMICA Microfibreพร้อมหน้าจอแสดงผลบนพวงมาลัยจำนวน 2 หน้าจอแบบ AMG steering wheel buttons ลงตัวด้วยหน้าจอเรือนไมล์แบบ all-digital instrument display ขนาด 12.3 นิ้ว หรือสามารถสร้างความโดดเด่นให้มากยิ่งขึ้นด้วยชุดเบาะเสริมแบบเอเอ็มจีเพอร์ฟอร์มานซ์ ที่สามารถปกป้องร่างกายของผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้มากขึ้นด้วยพนักพิงหลังที่มีความโค้งและเสริมด้วยวัสดุเพื่อความนุ่มสบายที่ด้านข้างมากกว่าเบาะที่นั่งแบบมาตรฐาน, แผงหน้าปัดกว้างดีไซน์ใหม่ด้วยอัตราส่วนแบบ 16:9 ขนาด 10.15 นิ้ว ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบบ COMAND Online แผงควบคุมตรงกลางมีหน้าจอแสดงผลมากถึง 8 จอบริเวณคอนโซลกลางแบบ AMG DRIVE UNIT ที่ออกแบบตามลักษณะเครื่องยนต์แบบ V8 ทำให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกราวกับถูกโอบล้อมด้วยปีกนก และห้องโดยสารที่สามารถเปลี่ยนสีได้หลากหลายเพื่อเพิ่มสุนทรียะในการขับขี่
นวัตกรรมและเทคโนโลยี ฝากระโปรงหน้าผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์และวัสดุ SMC (Sheet Moulding Compound) ที่ถูกพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษโดยทีมงานของ Mercedes-Benz TEC (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทีอีซี) และผู้เชี่ยวชาญของเอเอ็มจี ทำให้ฝากระโปรงรถมีน้ำหนักเบา แต่ยังคงไว้ซึ่งความทนทานและแข็งแรง, ระบบช่วงล่างเอเอ็มจีไรด์คอนโทรลแบบสปอร์ต (AMG RIDE CONTROL Sports Suspension) ของทั้ง 4 ล้อมีทั้งปีกนก แกนบังคับเลี้ยวและโครงฐานคุมล้อ (hub carrier) ที่หล่อจากอะลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนักที่ไม่จำเป็น โดยล้อทั้ง 4 จะถูกควบคุมโดยกลไกปีกนกแบบ 2 ชั้น เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการหมุนของล้อและการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง
Mercedes-AMG GT C Roadster โฉมใหม่
มาพร้อมกับระบบ AMG DYNAMIC SELECT ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดของเกียร์หลักได้ 5 แบบ คือ “C” (Comfort) สำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลายและสะดวกสบาย, “S” (Sport) และ “S+” (Sport Plus) เน้นความเร้าใจในการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้น และ “I” (Individual) ที่สามารถช่วย จดจำรูปแบบการขับขี่ของผู้ขับได้ อีกทั้งยังมีโหมด “RACE” ที่เป็นโหมดเสริมสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการความแรงและเกียร์ที่เปลี่ยนได้รวดเร็วเหมือนอยู่ในสนามแข่งรถ ซึ่งจะมาพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ที่เร้าอารมณ์ ทั้งนี้ผู้ขับขี่สามารถสร้างข้อกำหนดทั้งหมดในแต่ละโหมดการขับขี่เองได้ด้วยการกดปุ่ม “M” (Manual) ที่อยู่ตรงกลางแผงควบคุม, ระบบเพลาหลังแบบแอคทีฟ (active rear axle steering) ที่จะหมุนเพลาล้อคู่หลังไปในทิศทางตรงกันข้ามกับเพลาล้อคู่หน้าเมื่อใช้ความเร็วสูงสุด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น และประหยัดแรงในการหมุนพวงมาลัย แต่หากความเร็วสูงสุดเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไปทั้งล้อคู่หน้าและหลังจะหมุนไปในทิศทางเดียวกันเพื่อเสริมสมดุลให้กับตัวรถ ทำให้ท้ายรถไม่ปัดเมื่อหักเลี้ยว
Mercedes-AMG GT C Roadster โฉมใหม่ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ความจุกระบอกสูบ 4 ลิตร ระบบไดเรค อินเจคชั่น และระบบเกียร์แบบคลัทช์คู่ 7 สปีด (seven-speed dual clutch transmission) ที่ช่วยทำให้รถมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น และการตอบสนองของระบบเกียร์จะดีขึ้นตามจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ของผู้ขับขี่
Mercedes-AMG GT C Roadster ราคาเริ่มต้นที่ 17,190,000 บาท
Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé โฉมใหม่
ดีไซน์ภายนอก ของ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé เป็นรถสปอร์ต 4 ประตูที่มีรากฐานมาจากทั้งรถยนต์ตระกูล SLS และ AMG GT, กระจังหน้าแบบ AMG-Specific radiator grille พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์, aerofoil ที่สามารถยืดและหดได้ด้วยระบบไฟฟ้า, หลังคาซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า อีกทั้งยังมีดิสก์เบรก AMG high-performance ท่อไอเสียคู่แบบ Two round twin tailpipe เฉพาะของ AMG และล้ออัลลอย AMG น้ำหนักเบาขนาด 20 นิ้ว 5 ก้านคู่ และระบบไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ที่มีหลอดไฟ LED 84 หลอดต่อข้างเทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยให้ทัศนวิสัยการขับขี่ยามค่ำคืนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด
ดีไซน์ภายใน เหมาะสมกับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ หน้าจอแบบ Widescreen cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 หน้าจอ ที่มาพร้อมกับระบบ COMAND Online ที่มีฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ Apple CarPlay™ และ Android Auto, พวงมาลัยแบบ AMG Performance สปอร์ตท้ายตัดหุ้มหนัง nappa และ Touchpad แบบใหม่ที่สะดวกสบาย ยิ่งกว่าเดิม และระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® surround sound system โดย Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé มาพร้อมเบาะที่นั่งด้านหน้าแบบ AMG Performance seats ที่สามารถปรับให้กระชับกับสรีระ เพิ่มความสบายแต่แฝงด้วยความสปอร์ตอย่างลงตัว เบาะด้านหลังตกแต่งด้วยหนังสุดหรูระดับไฮ-คลาส พร้อมที่นั่งเดี่ยว ที่ให้ความรู้สึกสบายและผ่อนคลาย เสมือนนั่งอยู่บนเครื่องบินชั้นธุรกิจ
นวัตกรรมและเทคโนโลยี ของ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé ใช้เครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 BITURBO ที่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 639 แรงม้ายังมาพร้อมกับระบบควบคุมการเลี้ยวด้วยล้อหลัง (AMG Rear Axle Steering) AMG DYNAMIC PLUS package ที่ช่วยเสริมพลศาสตร์ยานยนต์และลักษณะรถยนต์แบบสปอร์ต นอกจากยางรองแท่นเครื่องยนต์และที่ยึดเกียร์แบบไดนามิกแล้ว แพ็กเกจดังกล่าวยังมีระบบกันสะเทือน แบบสปอร์ตที่ปรับให้แน่นขึ้น สามารถปรับได้ 3 ระดับตามสไตล์การขับขี่และสภาพถนน, ระบบ AMG DYNAMIC SELECT ที่สามารถปรับได้ 3 โหมด คือ Sport, Sport+ และ Individual, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist Plus), ระบบ Active Braking Assist ที่ช่วยหลีกเลี่ยงการชนกับรถยนต์คันอื่น หรือคนเดินถนนในบริเวณทางแยก, ระบบกุญแจรถยนต์แบบ KEYLESS-GO และระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist) ที่มาพร้อมกับกล้อง 360 องศา
Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé โฉมใหม่ ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-speed ที่มีชุดคำสั่งเฉพาะที่ช่วยให้ระยะทดกำลังเมื่อเปลี่ยนเกียร์สั้นที่สุด ซึ่งทำให้ความเร็วของรถเพิ่มขึ้นได้เร็วกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อขับขี่ในโหมด Sport+ และโหมดกำหนดเอง
Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé ราคา 14,990,000 บาท