Last updated: 19 ก.พ. 2563 | 783 จำนวนผู้เข้าชม |
เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ฉายภาพผู้นำยนตรกรรมระดับแนวหน้า โชว์ศักยภาพในการเตรียมความพร้อมและยกระดับการพัฒนาศักยภาพให้กับพนักงานทุกภาคส่วน ด้วยกิจกรรม “Mercedes-Benz Driving Events 2020” กิจกรรมฝึกอบรมเทคนิคการขับขี่ปลอดภัย สร้างความรู้ความเข้าใจในนวัตกรรมด้านความปลอดภัยระดับโลกตามมาตรฐานของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพจากประเทศออสเตรเลียร่วมฝึกทักษะการขับขี่อย่างใกล้ชิด พร้อมกองทัพรถหรูรุ่นใหม่ล่าสุดกว่า 24 รุ่น มาให้ได้ทดสอบกันอย่างครบครันในทุกเซ็กเมนต์ ทั้ง Mercedes-Benz และ Mercedes-AMG อาทิ Mercedes-Benz GLS 350 d 4 MATIC AMG Premium, Mercedes-Benz GLE 300 d 4 MATIC AMG Premium, Mercedes-AMG GT C Roadster และ Mercedes-AMG C 63 S Coupé ณ สนามพีระเซอร์กิต พัทยา
มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์ ให้ความสำคัญกับการมอบความรู้ให้แก่พนักงานของเราเป็นอย่างมาก เราเชื่อว่าการสร้างความรู้ความเข้าใจในการขับขี่ที่ถูกต้องให้แก่พนักงานของเรา ไม่ว่าจะเป็นพนักงานในแผนกใด จะเป็นการตอบย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำรถหรูของเราที่นอกจากจะมาพร้อมสมรรถนะที่โดดเด่นและดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวแล้ว เรายังมีนวัตกรรมด้านความปลอดภัยที่ล้ำสมัย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญตลอดมา การจัดฝึกอบรมการขับขี่ปลอดภัยให้แก่พนักงานของเราในวันนี้นอกจากจะเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจในการขับขี่ และการปฏิบัติตนเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินบนท้องถนนให้กับพนักงานแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานได้สัมผัสกับประสบการณ์การขับขี่ยนตรกรรมสมรรถนะสูงหลากหลายรุ่น เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจและพัฒนาศักยภาพให้กับพนักงานเมื่อพนักงานได้สัมผัสกับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยอันล้ำสมัยที่บริษัทฯได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง พวกเขาจะมีความเข้าใจในรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างถ่องแท้ และสามารถถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจนี้ต่อไปยังลูกค้าของเราเพื่อรักษามาตรฐานการปฏิบัติงานที่มีคุณภาพ และสามารถถ่ายทอดความรู้ในการขับขี่อย่างปลอดภัยให้แก่คนรอบข้าง ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้อีกทางหนึ่งด้วย”
การอบรมการขับขี่ปลอดภัยในครั้งนี้จัดขึ้นที่สนามพีระเซอร์กิต พัทยา โดยได้แบ่งการทดสอบออกเป็น 3 สถานี ได้แก่ การขับแบบสลาลม (Slalom) ด้วยความเร็วสูง เพื่อทดสอบการควบคุมรถ การเปลี่ยนช่องทางวิ่งแบบกะทันหัน (Lane Change) เพื่อเรียนรู้อาการของรถและการควบคุมอย่างถูกวิธี การเบรคแบบฉุกเฉิน (Emergency Braking) เมื่อต้องเบรคในกรณีฉุกเฉิน และเรียนรู้การกะระยะทางที่ปลอดภัยในการเบรคฉุกเฉินในความเร็วที่แตกต่างกัน และสร้างความเข้าใจในเหตุการณ์เสียการทรงตัว การเข้าโค้งและหลุดโค้ง (Corner Theory) นอกจากนั้นยังมีการทดลองขับแบบ Lead & Follow เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทดสอบสมรรถนะกันอย่างเต็มที่