Last updated: 26 ก.พ. 2563 | 1215 จำนวนผู้เข้าชม |
ด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบและเทคโนโลยี BMW ShiftCam สมรรถนะโดยรวมของบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ จึงได้รับการยกระดับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่ง BMW ShiftCam มีส่วนสำคัญในการเสริมความสมดุลของเพลาลูกเบี้ยวและจังหวะการทำงานของเครื่องยนต์ เสริมด้วยระบบส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและระบบท่อไอเสียที่ได้รับการปรับปรุงให้มีน้ำหนักเบาลงถึง 1.3 กิโลกรัม และระบบขับเคลื่อนใหม่ยังช่วยให้ตัวรถมีน้ำหนักเบาลงถึง
11 กิโลกรัม มาอยู่ที่ 197 กิโลกรัม พละกำลังของบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ ยังได้รับการพัฒนาเป็น 152 กิโลวัตต์ (207 แรงม้า) ที่ 13,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 113 นิวตันเมตร ที่ 11,000 รอบต่อนาที
บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ ยังพัฒนามาให้มีน้ำหนักลดลง โดยการออกแบบเฟรมรถใหม่ นอกจากจะมุ่งเน้นที่การปรับปรุงการยศาสตร์ของผู้ขับขี่แล้ว ยังเน้นการส่งน้ำหนักไปยังเครื่องยนต์ในระยะทางที่สั้นที่สุด การเคลื่อนที่ของรถมีความคล่องตัวยิ่งขึ้นจากการผสานประสิทธิภาพระหว่างมิติรถ การกระจายน้ำหนักระหว่างล้อ และความสามารถในการรับน้ำหนักที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ส่วนระบบ Full Floater Pro ช่วยเสริมสมรรถนะของช่วงล่างล้อหลังให้ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเดิม ซึ่งด้วยการพัฒนาทั้งหมดนี้ ทำให้บีเอ็ม
ดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ สามารถนำเสนอการควบคุมรถและการยึดเกาะถนนที่แม่นยำยิ่งขึ้นในทุกสภาวะการขับขี่ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกเสริมประสิทธิภาพและลุคโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่ง M ซึ่งมาพร้อม
ล้อสไตล์ M คันคลัทช์และเบรก M และท่อเก็บเสียง M
บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ ยังรองรับสไตล์การขับขี่ที่หลากหลาย ทั้ง 4 รูปแบบการขับขี่พื้นฐาน ได้แก่ “Rain”, “Road”, “Dynamic” และ “Race” พร้อมโหมดการขับขี่แบบโปร ให้ผู้ขับขี่ปรับเปลี่ยน
การควบคุมต่าง ๆ ให้ตรงกับรูปแบบการขับขี่เฉพาะตัว ทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS Pro ระบบ Dynamic Traction Control อัตราเร่ง และการหน่วงกำลังเครื่องยนต์ ที่ปรับเปลี่ยนตามทักษะและรูปแบบในการ
ขับขี่ นอกจากนี้ ระบบ Dynamic Damping Control (DDC) ยังได้รับการพัฒนาเฉพาะสำหรับบีเอ็ม
ดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ ปรับค่าการสั่นสะเทือนให้เหมาะสมตามสภาพถนน
แผงหน้าปัดของบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ได้รับการออกแบบใหม่ให้ลงตัวกับการโลดแล่นด้วยความเร็วสูงในสไตล์ซูเปอร์สปอร์ตมากยิ่งขึ้น เพิ่มตัวเลือกในการแสดงผลต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น พร้อจอแสดงผล TFT ขนาด 6.5 นิ้ว ที่ง่ายต่อการอ่านค่าในทุกสภาพแสง โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกรูปแบบการแสดงผลได้
2 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ Pure Ride เน้นการแสดงผลเฉพาะข้อมูลที่สำคัญต่อการขับขี่ และ Core Ride ที่สามารถเลือกการแสดงผลค่าต่าง ๆ เพิ่มได้อีก 3 รูปแบบ เพื่อให้ผู้ขับขี่เลือกการแสดงผลที่เหมาะกับสไตล์การขับขี่ที่หลากหลายได้ตามความต้องการ
บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ยังมาพร้อมเฟรมตัวถังแบบใหม่ หรือ Flex Frame ที่ใช้พื้นที่บริเวณถังน้ำมันและเบาะนั่งน้อยลง จึงเพิ่มพื้นที่สำหรับการรองรับน้ำหนักและที่รองเข่ามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ จุดสัมผัสระหว่างผู้ขับขี่และตัวรถยังได้รับการออกแบบใหม่ให้สอดรับกับองศาระหว่างผู้ขับขี่ มือจับทั้งสองข้าง
เบาะนั่งและที่พักเท้า เพื่อให้ผู้ขับขี่อยู่ในท่วงท่าที่สบายที่สุดตามหลักการยศาสตร์ ไฟหน้า LED ตอกย้ำถึงความโฉบเฉี่ยวและความดุดันของบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ดีไซน์ตัวถังใหม่สร้างความโดดเด่นสะดุดตาจากรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน โดยมาใน 2 สี 2 สไตล์ด้วยกัน คือ สีแดง Racing Red Uni และสี Light White Uni/Racing โดยบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR มาพร้อมกับโปรแกรม BMSI (BMW Motorrad Service Inclusive) ที่มีระยะเวลาบำรุงรักษาตามมาตรฐาน 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร และรับประกันคุณภาพ 3 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง