Last updated: 13 พ.ค. 2565 | 960 จำนวนผู้เข้าชม |
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป (AAS Group) ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ประกาศการก้าวมาเป็นนัมเบอร์วันรถสปอร์ตหรูระดับโลก พร้อมทั้งการันตีความนิยมในไทย ด้วยยอดส่งมอบสูงสุดถึง 1,386 คัน เมื่อปลายปี 2021 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตลาดรถหรูให้โตขึ้นได้อย่างเกินคาดในไตรมาสแรกปี 2022 พร้อมผลักดันและสนับสนุนการใช้รถพลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องเร่งเปิด Destination charger สถานีบริการชาร์จพลังงานไฟฟ้าโดยมีเป้าหมายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
ปีเตอร์ โรห์เวอร์ กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป กล่าวว่า จากยอดขายในปี 2021 ของปอร์เช่ทั่วโลก สามารถส่งมอบรถยนต์ใหม่เป็นจำนวนทั้งสิ้น 301,915 คัน ไปยังลูกค้าทั่วทุกมุมโลกประเทศจีน ยังคงเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของรถยนต์ปอร์เช่ และในปี 2022 เรียกได้ว่ายอดขายของปอร์เช่พุ่งเกินคาดในขณะที่ตลาดการซื้อขายรถมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่งที่ปอร์เช่สามารถทะลุยอดขายได้ถึง 68,426 คันทั่วโลก โดยมียอดส่งมอบถึงมือลูกค้าในภูมิภาค เอเชีย แปซิฟิก, แอฟริกา และตะวันออกกลาง จำนวน 28,991 คัน เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว ถือเป็นการทำสถิติยอดจำหน่ายสูงสุด ซึ่งรถที่ได้รับความนิยมสูงสุดยังคงเป็นรถสปอร์ต SUV ปอร์เช่ คาเยนน์ (Porsche Cayenne) ซึ่งมีตัวเลขยอดส่งมอบจำนวน 19,029 คัน ตามด้วย มาคันน์ (Macan) มีตัวเลขรวมจำนวน 18,329 คัน ถัดมาที่ทางด้านรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) ทำได้ที่ 9,470 คัน ในส่วนรถสปอร์ตระดับตำนานปอร์เช่ 911 มียอดจำหน่ายทั่วโลกที่ 9,327 คัน ตามด้วยพานาเมร่า (Panamera) ที่มียอดส่งมอบรวม 7,735 คัน และปอร์เช่ 718 บ๊อกสเตอร์ (718 Boxster) รวมทั้ง 718 เคย์แมน (718 Cayman) มียอดส่งมอบรวมที่ 4,536 คัน”
ธนบดี กุลทล ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป กล่าวว่า “สำหรับในช่วงปลายปี 2564 ที่ผ่านเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่งกับยอดจำหน่ายที่เรามีการเติบโตขึ้นเกินคาด ปอร์เช่ยังเป็นที่นิยมและได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดย ปอร์เช่ ประเทศไทย ทำสถิติยอดขายสูงสุดถึง 1,386 คัน ซึ่งมาจากความนิยมของรถหลายๆ รุ่น โดยเฉพาะ คาเยนน์ ที่ีีสัดส่วนการขายประมาณ 49% เนื่องจากทำราคาได้ดึงดูดใจจากการเป็นรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่ได้รับการส่งเสริมด้านภาษีจากภาครัฐ และรถพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี รุ่น ไทคานน์ ก็ได้รับการตอบรับอย่างมากในยุคที่คนหันมาให้ความสนใจกับรถพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น มีสัดส่วนการขาย 25% และส่งมอบรถได้แล้วประมาณ 347 คัน ที่เหลือเป็นรุ่นอื่นๆ ที่ยังคงมียอดจองเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นับเป็นตัวเลขที่น่ายินดีมากครับ จึงเป็นที่มาของการพัฒนาแผนในการขับเคลื่อนธุรกิจให้กระจายวงกว้างมากขึ้น และสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างกว้างขวางและสามารถรองรับการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เอเอเอส กรุ๊ป ได้มีการปรับโครงสร้างภายในองค์กร เพื่อรองรับการขยายเครือข่ายและตัวแทนจำหน่าย โดยมีการจัดตั้ง บริษัท เอเอเอส ออโต้ อิมพอร์ต จำกัด เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย เฟ้นหาพันธมิตรทางธุรกิจในการขยายดีลเลอร์ให้เพียงพอ ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น สร้างความมั่นใจในการให้บริการสำหรับรองรับการขยายตัวรถ PHEV, EV ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากและมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วต่อเนื่องสำหรับการคัดสรรดีลเลอร์เป็นสิทธิ์ของ ปอร์เช่ ประเทศไทย ในการคัดเลือกพันธมิตรที่มีประสบการณ์ทีมงานมืออาชีพที่มีคุณภาพและมาตรฐานที่ดีในการให้บริการดูแลลูกค้าโดยการทำงานจะอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ และนโยบายกำกับดูแลในการดำเนินธุรกิจ ที่มีระบุในสัญญาระหว่างกันอย่างชัดเจน และบริษัท เอเอเอส ออโต้เซอร์วิส จำกัด ยังคงเป็นผู้แทนจำหน่ายและการให้บริการหลังการขายเช่นเดิม”
ด้าน ปวราภา ดุพัสกูล ผู้อำนวยการแผนกการตลาดและประชาสัมพันธ์ ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป กล่าวว่า ด้วยกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน และต้องยอมรับว่ารถยนต์ไฟฟ้า EV- BHEV ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า จะเห็นได้จาก ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งล่าสุด ปอร์เช่ ประเทศไทย ได้นำเสนอรถยนต์ไฟฟ้า 100% “ปอร์เช่ ไทคานน์ จีทีเอส” เป็นครั้งแรกของอาเซียน ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะได้ชื่อว่าเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคตที่มาพร้อมกับความสปอร์ตสุดเร้า อีกทั้งรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งปอร์เช่ได้เล็งเห็นความสำคัญของการประหยัดพลังงานธรรมชาติมาอย่างต่อเนื่องรณรงค์ให้คนทั่วโลกหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้าเช่นกัน เรามีแผนงานที่จะร่วมกับพาร์ทเนอร์กลุ่มต่างๆ ในการร่วมกันเปิดสถานีให้บริการชาร์จพลังงานไฟฟ้าปักหมุดให้ครบ 12 จุดทั่วประเทศ โดยร่วมกับ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นต์ จำกัด (SHARGE) ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ซึ่งคาดว่า Destination charger หรือ DC High-Power Electric Vehicle Charger สถานีบริการชาร์จพลังงานไฟฟ้าจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของคนรักรถและรักโลกได้อย่างแน่นอน และเพื่อให้มีเครือข่ายสถานีบริการชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) มากยิ่งขึ้น ปอร์เช่ยังเดินหน้าประกาศความร่วมมือระดับภูมิภาค ร่วมเป็นพันธมิตรกับ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย (Shell) มุ่งเป้าตอบสนองความต้องการลูกค้าผู้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เตรียมพร้อมขยายเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงจากมาเลเซียสู่ประเทศไทย เพิ่มจุดเชื่อมต่อการชาร์จในกรุงเทพฯ ตลอดจนเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมต่าง ๆ อีกหลายแห่งในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย