แลนด์โรเวอร์เปิดตัว NEW RANGE ROVER สร้างนิยามใหม่ของการเดินทางที่หรูหรา

Last updated: 20 พ.ค. 2565  |  1260 จำนวนผู้เข้าชม  | 

แลนด์โรเวอร์เปิดตัว NEW RANGE ROVER สร้างนิยามใหม่ของการเดินทางที่หรูหรา

บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดตัวรถยนต์ New Range Rover (เรนจ์ โรเวอร์ ใหม่) ครั้งแรกในประเทศไทย รุ่นและราคาที่จำหน่ายประกอบด้วย

3.0 Petrol Plug-In Hybrid SWB AWD Autobiography Plus          ราคา 11,499,000 บาท

3.0 Petrol Plug-In Hybrid SWB AWD SV Plus                             ราคา 15,999,000 บาท

3.0 Petrol Plug-In Hybrid LWB AWD Autobiography Plus          ราคา 11,999,000 บาท

3.0 Diesel LWB AWD Autobiography Plus                                ราคา 15,999,000 บาท

พร้อม LAND ROVER CARE นาน 5 ปี ประกอบด้วย การรับประกันคุณภาพ บริการบำรุงรักษาตามระยะ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 ปี ร่วมสัมผัสความหรูหราของ เรนจ์ โรเวอร์ ใหม่ได้ที่โชว์รูมรถยนต์แลนด์โรเวอร์ ชั้น 2 สยามพารากอน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-007-0008 และ www.landrover.co.th



เรนจ์โรเวอร์คือรถ SUV หรูหรารุ่นดั้งเดิมและเป็นผู้นำแบบอย่างมาเป็นเวลา 50 ปี จากการผสมผสานความสบายที่ไม่ขาดตอนและความราบรื่น เข้ากับขีดความสามารถในการพิชิตทุกเส้นทาง

รถ SUV หรูหรารุ่นใหม่มีจำหน่ายในรุ่น Autobiography ทั้งรูปแบบตัวถังมาตรฐาน (SWB) และฐานล้อยาว (LWB) มาพร้อมกับ 5 ที่นั่ง ในขณะที่แบบ LWB ของเรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่วางจำหน่ายพร้อมตัวเลือกแถวที่สามเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายสำหรับรองรับผู้ใหญ่สูงสุด 7 คน

พิเศษกับเรนจ์โรเวอร์รุ่น SV ใหม่ (New Range Rover SV) นำเสนอที่สุดแห่งความสวยงามที่นำไปสู่ความหรูหราและความเป็นส่วนตัวของเรนจ์โรเวอร์ ให้ลูกค้ามีขอบเขตมากขึ้นในการสร้างรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะอย่างแท้จริง ด้วยทางเลือกของธีมการออกแบบ และตัวเลือกวัสดุจาก SV แสดงถึงการกลั่นกรองการออกแบบของ Special Vehicle Operations และความหลงใหลทางวิศวกรรมเพื่อความหรูหรา ประสิทธิภาพ และความสามารถที่ล้ำสมัย


ความทันสมัยที่น่าทึ่ง
รถ SUV หรูหรารุ่นที่ 5 นำเอาปรัชญาการออกแบบของแลนด์โรเวอร์มาใช้เพื่อก้าวสู่อีกระดับด้วยการตีความหมายของโปรไฟล์เครื่องหมายการค้าของตัวเองแบบร่วมสมัย เพื่อสร้างงานการออกแบบที่เหลือเชื่อและจะยังคงเป็นผู้นำที่พาความทันสมัยที่น่าทึ่ง ความงามที่สุนทรีย์และความมีรสนิยมมาสู่ยานพาหนะรุ่นหลักล่าสุดของแลนด์โรเวอร์


เรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่เกิดขึ้นจากสามเส้นที่สามารถย้อนรอยต้นกำเนิดกลับไปตามรุ่นต่างๆ อันได้แก่ เส้นขอบหลังคาที่พุ่งลง เส้นรอบรถที่เข้มชัด และเส้นฐานประตูที่ยกสูง คุณสมบัติที่เป็นเครื่องหมายการค้าเหล่านี้ยังผสมผสานกับระยะยื่นหน้าที่สั้นเป็นเอกลักษณ์และท้ายรถใหม่แบบเรือที่โดดเด่น ครบเครื่องด้วยประตูท้ายบานแยกที่ใช้งานได้จริง ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างโครงร่างอันสวยงามซึ่งสื่อถึงรูปลักษณ์เหนือชั้นของเรนจ์โรเวอร์

เส้นรอบตัวรถที่ไม่ขาดตอนแสดงให้เห็นความใส่ใจในรายละเอียดของแลนด์โรเวอร์ ให้ขอบประตูที่โค้งมนมาบรรจบกับกระจก ในการตกแต่งผิวที่ดูเรียบง่ายและสะอาดตาด้วยขอบตัวรถที่ออกแบบมาเป็นพิเศษให้ซ่อนอยู่และเทคโนโลยีที่เอื้อต่อการออกแบบ มาผสมผสานกับไฟเคลือบผิวแบบเรียบเสมอกันที่ซ่อนตัวเมื่อไม่ได้ส่องสว่าง พื้นผิวที่มีรสนิยมให้ภาพลักษณ์ร่วมสมัย และมีส่วนช่วยให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านเท่ากับ 0.30 ทำให้รถคันนี้เป็น SUV หรูหราที่ถูกหลักอากาศพลศาสตร์มากที่สุดในโลก

การตกแต่งภายในที่หรูหรามีรากฐานสำคัญจากเทคโนโลยีที่ทันสมัย ใช้งานง่ายและมีความสำคัญ ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้เข้ากับวัสดุที่ดีที่สุดและนวัตกรรมเพื่อความสุขสบายอย่างลงตัว เพื่อสร้างสถานที่อันเงียบสงบสำหรับผู้โดยสารทุกคน เปลี่ยนให้ทุกการเดินทางเป็นประสบการณ์เพลิดเพลิน

สีภายนอกยกระดับสัดส่วนอันสวยงามด้วยพื้นผิวที่สะอาดตาของเรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่ ในขณะที่ตัวเลือกการปรับแต่งห้องโดยสารมีความยั่งยืนและมีความก้าวหน้ามากกว่าที่เคยมีมา ลูกค้ามีตัวเลือกวัสดุและการตกแต่งที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงเนื้อผ้าที่เป็นนวัตกรรมและ Ultrafabrics™ ชนิดสัมผัสร่วมกับความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแลนด์โรเวอร์กับ Kvadrat™ ผู้ผลิตเนื้อผ้าเกรดดีชั้นนำของยุโรป โดยผสมผสานกับ Ultrafabrics™ เพื่อสร้างตัวเลือกวัสดุ ที่มีความหมายซึ่งเบากว่าและสร้าง CO2  เพียงหนึ่งในสี่ของหนังแบบดั้งเดิม



การปรับแต่งที่เหนือชั้น

เรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่ทำให้ทุกการเดินทางเป็นโอกาสพิเศษที่ต้องจดจำ จากการผสมผสานเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ากับความหรูหราทันสมัย เพื่อส่งมอบการปรับแต่งที่เหนือชั้นสำหรับผู้โดยสารทุกคน รวมทั้งผู้ที่นั่งอยู่ในแถวที่สาม ด้วยการกำจัดเสียงที่ไม่ต้องการ แรงสั่นสะเทือนและสิ่งรบกวนสมาธิ การลดภาระการรับรู้ของผู้ขับขี่กับผู้โดยสาร ผู้โดยสารจะไปถึงที่หมายด้วยความรู้สึกสดชื่น แม้กระทั่งหลังจากการเดินทางที่ยาวนานที่สุด

เทคโนโลยีลำโพงขั้นสูงต่อยอดจากการปรับแต่งขั้นพื้นฐานที่ได้จากสถาปัตยกรรมตัวถัง MLA-Flex เพื่อมอบความสบายในห้องโดยสารที่ไม่ขาดตอน รับประกันว่าผู้โดยสารจะเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ชั้นหนึ่ง ลำโพงใช้ระบบเสียงอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมอริเดียน 1,600 วัตต์ เพื่อสร้างหนึ่งในห้องโดยสารที่เงียบสงบที่สุดบนท้องถนน พร้อมลำโพงเสริม 20 วัตต์ ในพนักพิงศีรษะ หลักทั้งสี่เพื่อประสบการณ์เสียงที่ดื่มด่ำมากที่สุด


ระบบตัดเสียงรอบข้าง (Active Noise Cancellation) จะตรวจสอบการสั่นสะเทือนของล้อ เสียงยาง และเสียงเครื่องยนต์ที่ส่งเข้ามาในห้องโดยสาร สร้างสัญญาณตัดเสียงซึ่งเล่นผ่านลำโพง 35 ตัวของระบบ นั่นรวมถึงลำโพงคู่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 60 มิลลิเมตรในพนักพิงศีรษะสำหรับผู้โดยสารในห้องโดยสาร 4 คนหลัก ซึ่งสร้างโซนเงียบส่วนตัวคล้ายกับผลที่ได้เมื่อใช้หูฟังระดับไฮเอนด์

เรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่นำตลาด SUV หรูหราไปสู่อีกระดับของความสุขสบาย และจุดสูงสุดที่ได้จากเทคโนโลยี  ระบบฟอกอากาศในห้องโดยสาร (Cabin Air Purification Pro) ซึ่งเป็นการรวมเทคโนโลยี nanoeTM X แบบคู่สำหรับการลดสารก่อภูมิแพ้และการกำจัดเชื้อโรค เพื่อช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์และไวรัสจำนวนมาก ในขณะที่ระบบจัดการ CO2 และการกรองอากาศ PM2.5 ในห้องโดยสารช่วยเพิ่มคุณภาพอากาศ เทคโนโลยี nanoeTM X ขั้นสูงได้ผ่านการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มาแล้วว่าสามารถลดไวรัสและแบคทีเรียได้อย่างมาก รวมไปถึงไวรัส SARS-CoV-2

เรนจ์โรเวอร์เป็น SUV หรูหราคันแรกที่มีระบบช่วงล่างถุงลมแบบอิเล็กทรอนิกส์ในปี 1992 และ เรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่ยังคงเดินหน้าบุกเบิกแนวทางนี้ต่อไปด้วย Dynamic Response Pro และระบบช่วงล่างแบบล่วงหน้าที่ใช้ข้อมูล eHorizon Navigation ในการอ่านถนนข้างหน้าและปรับสภาพระบบช่วงล่างให้ตอบสนองอย่างสมบูรณ์แบบ

เทคโนโลยีอัจฉริยะยังทำงานร่วมกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control) ด้วยระบบช่วยบังคับเลี้ยว (Steering Assist) เพื่อให้การเคลื่อนไหวจากการเปลี่ยนแปลงความเร็วกะทันหันของตัวยานพาหนะเป็นไปอย่างราบรื่น ระบบช่วงล่างแบบอิสระโดยสมบูรณ์เป็นรากฐานสำคัญของการขับขี่อย่างหรูหราและมีเพลาหลังแบบแขนห้าก้านตัวแรกของแลนด์โรเวอร์ ซึ่งแยกห้องโดยสารจากพื้นผิวที่ไม่สมบูรณ์แบบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคยโดยใช้สปริงถุงลมขั้นสูง



เทคโนโลยีที่ลงตัว

เรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่ยังคงรักษาสายเลือดอันมีค่าของการบุกเบิกนวัตกรรมด้วยชุดเทคโนโลยีที่ผ่านการออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ประสิทธิภาพ การปรับแต่ง และความปลอดภัยอย่างง่ายดาย สถาปัตยกรรมยานยนต์ไฟฟ้าล่าสุด (EVA 2.0) ของแลนด์โรเวอร์คือสิ่งที่สร้างทุกอย่างให้เป็นไปได้และมีระบบการอัปเดตซอฟต์แวร์อัตโนมัติแบบ Over-The-Air (SOTA) สำหรับโมดูลอิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 70 โมดูล นั่นหมายความว่าเรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่จะพัฒนาปรับปรุงและยังคงทันปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง

เรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่ยกระดับเทคโนโลยีอินโฟเทนเมนต์ Pivi Pro ที่ได้รับรางวัลของแลนด์โรเวอร์ ด้วยหน้าจอสัมผัสที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา หน้าจอแบบลอยขนาด 13.1 นิ้ว ที่โค้งมนสะท้อนถึงความประณีตทางสถาปัตยกรรมของการตกแต่งภายในด้วยการออกแบบแบบมินิมอล ให้การควบคุมฟังก์ชันหลักทั้งหมดในยานยนต์ที่ใช้งานง่าย โดยใช้เทคโนโลยีล่าสุดเพื่อมอบอินเทอร์เฟซที่ออกแบบมาคล้ายคลึงสมาร์ทโฟน พร้อมด้วยฮาร์ดสวิตช์ที่สะดวกสบายสำหรับการควบคุมอุณหภูมิ


Pivi Pro ทำงานอย่างกลมกลืนร่วมกับจอแสดงผลสำหรับผู้ขับขี่แบบโต้ตอบขนาด 13.7 นิ้ว แบบกึ่งลอยใหม่อันสวยงาม ซึ่งมีคุณสมบัติกราฟิกความละเอียดสูงรูปแบบใหม่ที่สะท้อนการออกแบบหน้าจอหลักของ Pivi Pro ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเป็นครั้งแรกของแลนด์โรเวอร์ที่จอแสดงผลส่วนกลางจะให้การตอบสนองแบบสัมผัสเมื่อแตะที่หน้าจอ ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องเหลือบมองที่หน้าจอ จึงเป็นการลดความจำเป็นในการละสายตาจากท้องถนนและทำให้ Pivi Pro ใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้นไปในตัว



ผู้โดยสารแถวหลังสามารถเพลิดเพลินไปกับระบบความบันเทิงที่เบาะหลัง (RSE) โฉมใหม่ ซึ่งมีหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 11.4 นิ้วแบบปรับได้ติดตั้งอยู่ที่ด้านหลังของเบาะพิงด้านหน้า ระบบสามารถทำงานได้อย่างอิสระจากกันและรองรับการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่มีพอร์ต HDMI ในขณะที่เมื่อใช้งานฮอตสปอต Wi-Fi จะหมายความว่าผู้โดยสารที่นั่งแถวหลังสามารถเพลิดเพลินไปกับความบันเทิงบนสมาร์ททีวีได้ขณะเดินทาง อุปกรณ์ควบคุมหน้าจอสัมผัสบนที่นั่งเบาะหลังขนาด 8 นิ้ว ที่ติดตั้งอยู่บนที่เท้าแขนตรงกลางที่นั่งเบาะหลังแบบ Executive Class ให้การควบคุมที่รวดเร็วและง่ายดายเพื่อตำแหน่งที่นั่งที่สมบูรณ์แบบ ยกระดับประสบการณ์หรูหราให้กับที่นั่งแถวหลัง 

เรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่ทุกๆ คันมาพร้อมกับไฟ LED ทั้งคันที่มีประสิทธิภาพและส่องสว่างร่วมกับไฟหน้า LED ใหม่แบบดิจิทัลความละเอียดสูง ซึ่งให้ช่วงลำแสงไกลมากถึง 500 เมตร ระบบไฟสร้างรายละเอียดการออกแบบที่เหนือชั้นและมีคุณสมบัติไฟเพื่อการส่องสว่างเวลากลางวันอันเป็นเอกลักษณ์ เทคโนโลยีไฟหน้าแบบปรับอัตโนมัติ (Adaptive Front Lighting) และเทคโนโลยีการฉายภาพเมื่อสตาร์ทเครื่อง จึงทำให้ไฟเหล่านี้เป็นไฟหน้าที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมาในยานพาหนะของแลนด์โรเวอร์ ระบบไฟหน้าแบบปรับอัตโนมัติสามารถเลือกทอดเงาลงบนวัตถุในเส้นทางของเรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่ได้มากถึง 16 ชิ้น ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้ท้องถนนคนอื่นๆ จะไม่ตาพร่าในขณะที่ยังคงให้แสงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ขับขี่ เทคโนโลยีเบี่ยงแสงไฟแบบคาดการณ์ขณะขับขี่ (Predictive Dynamic Bending Light) ใช้ข้อมูลการนำทางเพื่อปรับลำแสงสำหรับมุมถนนที่เข้ามาใกล้ตลอด  เวลาบนท้องถนน

ไฟช่วยขับขี่ (Manoeuvring Light) แบบใหม่ช่วยให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำในสภาพแวดล้อมแสงน้อยได้อย่างมั่นใจ ด้วยการสาดแสงรอบบริเวณของรถยนต์ ทำงานร่วมกับระบบกล้องรอบด้าน 3 มิติเพื่อให้ความคล่องตัวที่ง่ายดาย

 


ความสามารถและความราบรื่นที่ไม่ขาดตอน

เรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่เป็นตัวแทนของที่สุดแห่งขีดความสามารถอันประณีตจากการทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืนไม่ขาดตอนของระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ขั้นสูง ซึ่งเป็นไปได้ด้วยสถาปัตยกรรมตัวถัง MLA-Flex แบบใหม่ ความสามารถที่ทรงพลังมากมายที่ไม่มีใครเทียบได้นี้อยู่ภายใต้การควบคุมของระบบควบคุมแชสซีแบบผสานของแลนด์โรเวอร์ ซึ่งเป็นระบบควบคุมเดี่ยวสำหรับชุดเทคโนโลยีขั้นสูงที่ปรับแต่งการขับเคลื่อนของรถยนต์ให้เหมาะกับทุกๆ การเดินทาง เพื่อปรับแต่งลักษณะของการขับขี่ล่วงหน้าและตอบสนองตามสถานการณ์อย่างละเอียด

เรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่ทุกคันมีระบบบังคับเลี้ยวสี่ล้อเพื่อการขับขี่ที่ง่ายดาย พร้อมเสถียรภาพขณะขับด้วยความเร็วสูงที่มากขึ้นและความคล่องตัวที่ความเร็วต่ำที่ได้รับการปรับปรุง ทำให้มั่นใจได้ว่าจะสะดวกสบายเท่ากันทั้งบนท้องถนนที่กว้างและถนนในเมืองที่คับแคบเป็นอุปสรรค

เพลาหลังที่ควบคุมด้วยไฟฟ้าให้มุมบังคับเลี้ยวสูงถึง 7 องศา และหมุนในมุมที่ต่างกับล้อหน้าเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ทำให้เรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่มีวงเลี้ยวที่น้อยกว่า 11 เมตร* ซึ่งแคบที่สุดในบรรดาแลนด์โรเวอร์ ที่ความเร็วสูงขึ้นไปเพลาหลังจะหมุนตามล้อหน้าเพื่อเสถียรภาพและความสะดวกสบายที่มากขึ้น

นอกจากนี้ เรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่ยังเป็นแลนด์โรเวอร์รุ่นแรกที่มีคุณสมบัติ Dynamic Response Pro ระบบป้องกันการพลิกคว่ำแบบอิเล็กทรอนิกส์แบบเชิงรุก 48 โวลต์ รุ่นใหม่นั้นตอบสนองได้เร็วกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่าระบบไฮดรอลิก ด้วยแรงบิดสูงสุด 1,400 นิวตันเมตร ที่อัดเข้าสู่บาร์ป้องกันการหมุนเพื่อให้การเคลื่อนไหวของตัวถังอยู่ภายใต้การควบคุม

ระบบช่วงล่างแบบอิสระโดยสมบูรณ์แยกห้องโดยสารจากพื้นผิวที่ไม่สมบูรณ์แบบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคย เพื่อความราบรื่นที่ไม่ขาดตอนตลอดเวลา เกิดจากการรวมปริมาตรสปริงถุงลมชั้นนำ อุตสาหกรรมเข้ากับแดมเปอร์วาล์วคู่ โดยที่ทั้งหมดจัดการโดยซอฟต์แวร์ควบคุม Adaptive Dynamics ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัทเอง

 

ระบบส่งกำลังแบบขับเคลื่อนสี่ล้ออันชาญฉลาด (iAWD) ควบคุมโดยระบบ Intelligent Driveline Dynamics (IDD) ของแลนด์โรเวอร์ ซึ่งทำงานตรวจสอบระดับการยึดเกาะและการสั่งการของผู้ขับขี่ 100 ครั้งต่อวินาที เพื่อคาดการณ์กระจายแรงบิดระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลังและกระจายไปทั่ว เพลาหลัง เพื่อแรงยึดเกาะที่ดีที่สุดทั้งบนทางราบเรียบและทางขรุขระ

เรนจ์โรเวอร์ทุกคันยังมีระบบล็อกเฟืองท้ายแบบเชิงรุก มีหน้าที่ปรับแรงยึดเกาะจากเพลาหลังในระหว่างการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงบนพื้นผิวที่ลื่นและในระหว่างการหักล้อบนทางขรุขระ เพิ่มขีดความสามารถและความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่


ประสิทธิภาพขุมพลังไฟฟ้า

ระบบไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอิน (PHEV) รุ่นใหม่ที่มีขนาดเพิ่มขึ้น รวมคุณสมบัติการปรับแต่งตามปกติของเครื่องยนต์เบนซินตระกูล Ingenium 6 สูบเรียงตัวของแลนด์โรเวอร์เข้ากับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 38.2kWh โดยคิดเป็นความจุที่ใช้งานได้ 31.8kWh และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 105kW ที่รวมเข้ากับระบบส่งกำลัง เมื่อรวมกันแล้วระบบส่งกำลังจะให้ระยะทางการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวที่แทบจะเงียบสนิทไกลถึง 100 กิโลเมตรหรือให้ระยะทางบนถนนจริงที่คาดหวังไกลถึง 80 กิโลเมตร**

PHEV สุดล้ำสามารถเร่งความเร็วได้สูงสุดถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ผู้ขับขี่เพลิดเพลินไปกับเรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่ด้วยพลังไฟฟ้าอย่างเดียวเพื่อการเดินทางส่วนใหญ่ในเมืองและในชนบท โดยที่ปล่อยก๊าซ CO2 โดยรวมต่ำกว่า 30 กรัมต่อกิโลเมตร ลูกค้าเรนจ์โรเวอร์ทั่วไปจะสามารถครอบคลุมระยะทางสูงถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ของการเดินทางโดยใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว การบรรจุแบตเตอรี่อย่างชาญฉลาดไว้ใต้ยานยนต์และภายในฐานล้อช่วยให้มั่นใจได้ว่าทั้งพื้นที่สัมภาระและสมรรถนะสำหรับทุกภาคพื้นจะไม่ด้อยลง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้