Last updated: 23 พ.ย. 2565 | 488 จำนวนผู้เข้าชม |
ด้วยรถแข่งปอร์เช่ 99X Electric Gen3 ปอร์เช่กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ยุคใหม่ของการแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้า Formula E ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางวิวัฒนาการดังกล่าวเกิดจากฝีมือของศูนย์วิจัย และพัฒนา Porsche Development Centre สำนักงานใหญ่ Weissach พร้อมเปิดตัวครั้งแรกของโลก ณ ศูนย์การเรียนรู้ Porsche Experience Center ใน Franciacorta ประเทศอิตาลี รถคันนี้จะได้รับการส่งลงสนามภายใต้การดูแลของทีมแข่ง TAG Heuer Porsche Formula E ในรายการแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้าทางเรียบ ABB FIA Formula E World Championship ตั้งแต่ฤดูกาล 2023 เป็นต้นไป
Stuttgart/Franciacorta. รายการแข่งขัน Mexico City E-Prix จะจัดขึ้นในวันที่ 14 มกราคม 2023 ซึ่งจะเป็นการลงสนามครั้งแรกของรถแข่งปอร์เช่ 99X Electric Gen3 ถือเป็นการมาถึงของรถแข่งเจเนอเรชั่นที่ 3 ในสนามเปิดฤดูกาลหน้า นับเป็นสัญญาณบ่งบอกการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของรายการแข่งขันรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารายการแรกของโลก
หนึ่งในรถแข่ง Gen3 คือปอร์เช่ 99X Electric Gen3 มีความเร็วสูงสุด น้ำหนักเบาที่สุด เปี่ยมล้นด้วยพละกำลัง รวมทั้งมีประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้าอันยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา รถแข่งเหล่านี้ได้รับการออกแบบดีไซน์มาเป็นพิเศษสำหรับการแข่งขันอันดุเดือดในสงครามความเร็วบนสนามแข่ง City circuits ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองสำคัญต่าง ๆ ทั่วโลก ตามธรรมเนียมปฏิบัติของการแข่งขัน Formula E
แนวคิดในการออกแบบโดยรวมของรถแข่งปอร์เช่ 99X Electric Gen3 และรถแข่งคันอื่นๆ ของการแข่งขัน Formula E เจเนอเรชั่นใหม่ คือวิวัฒนาการระดับก้าวกระโดดอย่างชัดเจน ตัวรถมีน้ำหนักที่เบาลง และมีฐานล้อที่สั้นลง รวมทั้ง Track ที่แคบลงอีกด้วย ขณะที่แบตเตอรี่มีขนาดกะทัดรัด แต่ให้พละกำลังเพิ่มขึ้น ขอบเขตของระบบชาร์จพลังงานย้อนกลับ Recuperative energy กว้างขึ้น ระบบอากาศพลศาสตร์ และงานออกแบบถูกปรับปรุงพัฒนาใหม่ทั้งหมด จึงส่งผลให้รถแข่งเจเนอชั่นล่าสุดนี้ ปราดเปรียวยิ่งขึ้น เสริมสมรรถนะการขับขี่เมื่อลงสนามแข่งได้อย่างอย่างเด่นชัด
ภาพลักษณ์ใหม่ ที่แสนสะดุดตาของรถแข่งปอร์เช่ 99X Electric Gen3 ได้รับแรงบันดาลใจจาก Brand purpose ของ ปอร์เช่ นั่นคือ “Driven by Dreams” เน้นย้ำ เอกลักษณ์เฉพาะตัว มีสไตล์ไม่ซ้ำใคร ถึงพร้อมด้วยความล้ำสมัย สง่างามด้วยจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกสร้างสรรค์ ตอบรับไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตของคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก
ความคิดเห็นเกี่ยวกับ การเปิดตัวครั้งแรกในโลกของรถแข่งปอร์เช่ 99X Electric Gen3
Thomas Laudenbach รองประธานกรรมการผู้กำกับดูแลส่วนงาน Porsche Motorsport กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่ได้นำเสนอรถแข่งปอร์เช่ 99X Electric Gen3 ออกสู่สายตาประชาชนทั่วโลก ทีมงานนักพัฒนาใน Weissach ทุ่มเทเต็มที่เพื่องานนี้ ไม่ว่าจะด้วยประสบการณ์ จิตใจ แม้กระทั่งจิตวิญญาณ ทุกอย่างถูกบรรจุอยู่ในรถแข่งคันนี้ พวกเขาสามารถภาคภูมิใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่มีที่ติ เฉกเช่นเดียวกับการแข่งขัน Formula E เจเนอเรชั่นใหม่ รถแข่งปอร์เช่ 99X Electric Gen3 เปรียบเสมือนตัวแทนของหลักชัยด้านเทคโนโลยีรถแข่งพลังงานไฟฟ้า สำหรับ Formula E และรวมทั้ง แคมเปญเปิดตัวรถแข่งปอร์เช่คันใหม่ในฤดูกาลแข่งขันที่ 9 ของรายการ ABB FIA Formula E World Championship คือย่างก้าวที่สำคัญของอนาคตวงการมอเตอร์สปอร์ต เราเฝ้ารอคอยการเริ่มต้นฤดูกาล และการเริ่มต้นยุคใหม่”
Florian Modlinger ผู้อำนวยการส่วนงาน Factory Motorsport Formula E กล่าวว่า “นี่คือความน่าตื่นตาตื่นใจ ที่ได้มีส่วนร่วมกับการเดินทางเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ของ รายการ ABB FIA Formula E World Championship ทีมงาน และนักขับของเรา António Félix da Costa และ Pascal Wehrlein ยังมีภาระกิจอีกมากมายรออยู่สำหรับการลงสนามครั้งแรกของรถแข่งปอร์เช่ 99X Electric Gen3 ในวันที่ 14 มกราคม 2023 ณ ประเทศเม็กซิโก (Mexico) อย่างไรก็ตาม เรามั่นใจว่าทุกขั้นตอนจะเรียบร้อยก่อนที่ฤดูกาลจะเริ่มต้นขึ้น และนั่นจะช่วยให้เราอยู่ในสถานการณ์ที่ดีเหนือทุกทีมแข่งพร้อมล้างไพ่หมดสำรับจากการมาถึงของบรรดารถแข่งคันใหม่ โดยรถแข่ง Gen3 ใหม่ ซึ่งรวมถึงปอร์เช่ 99X Electric Gen3 คือความหวังที่จะปลุกให้การแข่งขันรถยนต์รายการนี้ทวีความน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับแฟนกีฬา และยกระดับความนิยมไปทั่วทุกมุมโลกให้แก่ Formula E”
António Félix da Costa นักแข่งสังกัดทีมโรงงานปอร์เช่ กล่าวว่า “รถแข่งคันใหม่ของเราคือก้าวกระโดดไปสู่จุดที่ยิ่งใหญ่ มันมีน้ำหนักเบา และมีพละกำลังมหาศาลยิ่งกว่ารถแข่งรุ่นก่อนหน้า เพียงเท่านี้ก็สามารถนำพารอยยิ้มให้เกิดขึ้นบนใบหน้าของนักแข่งได้ ในฐานะน้องใหม่ของทีมแข่ง TAG Heuer Porsche Formula E ผมใช้เวลาไม่กี่อาทิตย์ทำความรู้จักกับเหล่าวิศวกร และช่างเทคนิค รวมไปถึงค้นหาจุดยืนของผมในทีม ทุกคนช่วยให้สิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องง่ายมากขึ้นสำหรับผม ผมรู้สึกสบายใจที่ได้ทำงานร่วมกัน นอกจากนั้นยังรู้สึกว่าไปได้ดีกับ Pascal เพื่อร่วมทีมของผม ผู้ซึ่งผ่านสนามแข่งขันความเร็วมาแล้วมากมายหลายรุ่น เราต่างมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือนำพาปอร์เช่ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด แบรนด์ปอร์เช่มีความหมายเดียวคือชัยชนะ เราต้องเดินทางไปสู่จุดนั้นอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยรถแข่งปอร์เช่ 99X Electric Gen3”
Pascal Wehrlein นักแข่งสังกัดทีมโรงงานปอร์เช่ กล่าวว่า “เรามีประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นในฐานะทีมงาน ระหว่างการทดสอบรถแข่งคันใหม่ ผมรู้สึกได้ถึงความยอดเยี่ยมนับตั้งแต่เริ่มต้น เราสะสมข้อมูลเชิงลึก และกระบวนการทำงานที่ดีได้มากมาย ในช่วงแรกสุดมันเกี่ยวกับการทำให้รถวิ่งได้ แต่หลังจากนั้นมันกลายเป็นเรื่องของสมรรถนะแทบจะทั้งหมด และแน่นอน รวมถึงประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญต่อความสำเร็จของรถแข่งเจเนอเรชั่นล่าสุด นี่คือประสบการณ์ที่สุดระทึกใจอย่างไม่น่าเชื่อของผม เรายังคงมีเวลาอยู่บ้างก่อนฤดูกาลแข่งขันเริ่มต้น เราจะใช้มันเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับรถแข่งปอร์เช่ 99X Electric Gen3 ให้มากที่สุด และเติมเต็มช่องว่างที่ยังเหลืออยู่ด้วยกัน นั่นคือการเตรียมความพร้อมที่เหมาะสมสำหรับเริ่มต้นออกสตาร์ทในฤดูกาลแข่งขันที่ประเทษเม็กซิโก (Mexico)”
การแข่งขันรายการ Formula E เจเนอเรชั่นที่ 3 : กำหนดบรรทัดฐานใหม่ ให้วงการมอเตอร์สปอร์ต
ความตั้งใจเบื้องหลัง แคมเปญเปิดตัวรถแข่ง Gen3 คือการกำหนดบรรทัดฐานใหม่ให้แก่วงการกีฬาความเร็ว ทั้งในด้านของสมรรถนะ ประสิทธิภาพ และความยั่งยืน ข้างต้นคือเป้าหมายที่ได้รับการยืนยันโดยองค์กรยานยนต์ระดับโลก FIA และ Formula E สำหรับฤดูกาลที่ 4 ในการแข่งขัน Formula E ปอร์เช่ได้พัฒนารถแข่ง 99X Electric Gen3 ขึ้นใหม่ โดยมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับรถแข่ง Gen3 คันอื่น การยกระดับความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าในหลายด้าน มีหัวใจสำคัญดังต่อไปนี้
สมรรถนะ: พละกำลังของรถแข่ง Gen3 ใหม่ เพิ่มขึ้นจาก 250 เป็น 350 กิโลวัตต์ (476 แรงม้า)
ระบบส่งกำลัง: พัฒนาโดย Porsche Motorsport ถ่ายทอดพละกำลังสูงสุด 350 กิโลวัตต์ที่เพลาหลัง ซึ่งมากกว่าเจเนอเรชั่นก่อนคือ Gen2 ถึง 100 กิโลวัตต์
ระบบเบรก: ชุดขับเคลื่อนใหม่ที่เพิ่มกำลังจาก 250 กิโลวัตต์ เป็น 350 กิโลวัตต์ ในล้อคู่หลัง ส่งผลให้มีการชาร์จพลังงานย้อนกลับเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 600 กิโลวัตต์ มากกว่า 2 เท่าตัวจาก Regenerative capability ของรถแข่ง Gen2 อุปกรณ์ของระบบเบรกที่เพิ่มเติม ได้รับการควบคุมโดย Brake-by-wire unit
ประสิทธิภาพ: ยกระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงานของมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุดถึง 95 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์สันดาปภายในที่มีประสิทธิภาพประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ และพลังงานที่ใช้มากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ได้จากการชาร์จย้อนกลับโดยระบบ Regenerative braking
ศักยภาพการชาร์จพลังงาน: ระบบชาร์จพลังงาน Ultra-high-speed charging ใหม่ล่าสุดของรถแข่ง Gen3 สามารถเพิ่มพลังงานได้ประมาณ 600 กิโลวัตต์ ในระหว่างการแข่งขัน นั่นหมายความว่าการชาร์จพลังงานของรถแข่ง Formula E รุ่นใหม่ จะมีศักยภาพเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เมื่อเปรียบเทียบกับระบบการชาร์จของรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ที่ดีที่สุดในโลก ยิ่งไปกว่านั้นเทคโนโลยีดังกล่าวยังเป็นอีกหนึ่งการรับประกันถึงสมรรถนะการทำงานที่เหนือชั้นของแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงอีกด้วย
ความยั่งยืน: เมื่อพิจารณาถึงชิ้นส่วนที่ใช้ในการสร้าง เซลส์แบตเตอรี่ในรถแข่ง Gen3 รุ่นล่าสุด ได้รับการผลิตจากวัสดุที่ยั่งยืน หลังจากจบฤดูกาลแข่งขันทุกครั้ง เซลส์แบตเตอรี่จะถูกนำกลับมา Reuse หรือ Recycle สำหรับเป็นส่วนประกอบของโครงสร้างตัวถัง Carbon fibre ทั้งนี้โรงงานผู้ผลิตให้การยืนยันว่าวัสดุ Carbon fibre ที่นำมาใช้นั้น ได้มาจากการ Recycle รถแข่ง Gen2 ที่ปลดประจำการไปแล้ว กระบวนการเหล่านี้ช่วยลดผลกระทบจากการปล่อยสารประกอบคาร์บอนเข้าสู่สิ่งแวดล้อมลงได้มากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่ง Carbon footprint ของรถแข่ง Formula E รุ่นใหม่ คือส่วนสำคัญที่ได้รับการคำนึงถึงตั้งแต่ขบวนการออกแบบดีไซน์ในระยะแรก มลภาวะทั้งหมดที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดขึ้นได้ จะถูกนำมาชดเชยในฐานะส่วนหนึ่งของพันธกิจ Net zero carbon โดย Formula E
Team partners
ผ่านการสนับสนุนจาก 15 พันธมิตรทางธุรกิจ เป็นอีกครั้งที่ทีมแข่ง TAG Heuer Porsche Formula E ลงสนามฤดูกาลที่ 4 ด้วยแรงผลักดันจากบรรดาเพื่อนร่วมงานคนพิเศษ โดยในปีนี้ได้เพิ่มชื่อผู้สนับสนุนใหม่อีก 2 ราย บนตัวถังรถแข่งปอร์เช่ 99X Electric Gen3 นั่นคือ Cato Networks ผู้ให้บริการ SASE cloud platform ชั้นนำของโลก และกลุ่มบริหารจัดการกองทุนจากสวิสเซอร์แลนด์ Julius Bär ได้เปิดตัวในฐานะผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของรถแข่งปอร์เช่ 99X Electric Gen3 นอกจากนั้นในส่วนของผู้สนับสนุนอื่น ๆ ยังคงรักษาระดับความเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเอาไว้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ TAG Heuer ซึ่งมีประวัติความเป็นมา รวมทั้งความสำเร็จต่างๆในวงการกีฬาความเร็วร่วมกับปอร์เช่มาอย่างยาวนาน เช่นเดียวกับกลุ่มกิจการพลังงาน และเทคโนโลยี Automation ABB ตามด้วย ANSYS บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้าน Simulation software พร้อมด้วย ExxonMobil แบรนด์จาก Mobil หนึ่งในองค์กรที่มีส่วนกับการพัฒนารถแข่ง Porsche 99X Electric อย่างใกล้ชิดผู้ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนด้านเทคโนโลยี ร่วมกับ Henkel ภายใต้ตราสินค้า LOCTITE กลุ่มสินค้าแฟชั่น Hugo Boss ในฐานะพันธมิตรด้านเครื่องแต่งกายระดับโลก และเครื่องแต่งกาย Sports Lifestyle จาก Puma
ปอร์เช่ กับการแข่งขัน Formula E
จากชัยชนะอันดับ 1 และอันดับ 2 ซึ่งเป็นผลงานของ Pascal Wehrlein และ André Lotterer ผู้ซึ่งนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถแข่งปอร์เช่ 99X Electric โดยทีมแข่ง TAG Heuer Porsche Formula E ฉลองความสำเร็จอันยอดเยี่ยมในการแข่งขันที่ประเทศเม็กซิโก (Mexico) เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2022 ที่ผ่านมา สำหรับปี 2023 นั้น นับเป็นการลงแข่งฤดูกาลที่ 4 ของรายการแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้าทางเรียบรายการแรกของโลก ด้วยการส่งรถแข่งปอร์เช่ 99X Electric Gen3 คันใหม่ ลงสนาม ในฐานะส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ให้เกิดนวัตกรรม และเทคโนโลยียานยนต์อันยั่งยืน Formula E ได้นำพาการแข่งขันกีฬาความเร็วที่น่าตื่นเต้น มาสู่บรรดาแฟน ๆ มอเตอร์สปอร์ตในหัวเมืองใหญ่ทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2014 ปอร์เช่เน้นย้ำความสำคัญของ Formula E ที่มีต่อ Porsche Motorsport ด้วยการสนับสนุน รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า ไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Taycan Turbo S) เป็นรถ Safety อย่างเป็นทางการของการแข่งขันในฤดูกาล 2023
ติดตามข้อมูลข่าวสาร ภาพยนตร์ และภาพถ่าย ได้ที่ Porsche Newsroom: newsroom.porsche.com