Last updated: 11 มี.ค. 2567 | 958 จำนวนผู้เข้าชม |
NEW MG4 ELECTRIC รถแฮทช์แบ็คขับเคลื่อนล้อหลังพลังงานไฟฟ้า 100% ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “ICON” นิยามของการเป็น “ต้นแบบ” และมาตรฐานใหม่ของรถอีวีที่ขับสนุกและเร้าใจ ประสบการณ์การขับขี่ครั้งใหม่อีกระดับ กับ MG4 XPOWER EV Hot Hatch รุ่นสมรรถนะสูงขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 435 แรงม้า แรงบิดสูงสุด ถึง 600 นิวตัน – เมตร พร้อมที่สุดของการควบคุมด้วยช่วงล่างที่ออกแบบใหม่ ให้สามารถรองรับความแรงบิดสูงจากมอเตอร์คู่ และ แพลตฟอร์มที่ออกมาเพื่อเป็นรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ รวมถึงระบบความปลอดภัยที่จัดเต็มมาตรฐาน EURO NCAP 5 ดาว
NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM
MG4 XPOWER ยนตรกรรมที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM นวัตกรรมจาก เอ็มจี ที่ดีไซน์มาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ กับความสามารถในการนำไปปรับใช้ร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้าได้ครอบคลุมหลากหลายเซกเมนต์ หลายขนาด ตั้งแต่รถแฮทช์แบ็ค ซีดานไปจนถึงรถกระบะ รวมถึงรองรับแบตเตอรี่หลากหลายความจุ
ICONIC DESIGN โดดเด่นด้วยดีไซน์การออกแบบ
MG4 XPOWER ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตรอบคัน โฉบเฉี่ยวในทุกการเคลื่อนไหว
· การออกแบบตัวรถใหม่แบบ AVANT-GARDE INDUCTIVE DESIGN
· ไฟหน้า LED GALAXY TECHNOLOGY MATRIX HEADLIGHTS
· ไฟท้าย LED ลาย CGYNUS SYMBOL DECORATIVE LIGHT
· หลังคาแบบทูโทน พร้อมสปอยเลอร์หลังแบบ TWIN ARROW WING
· ล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว
· มิติตัวถัง 4,287 x 1,836 x 1,516 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
· ระยะความยาวฐานล้อ 2,705 มิลลิเมตร
· ระยะต่ำสุดจากพื้น 117 มิลลิเมตร
· เติมความเป็นสปอร์ตด้วยคาลิปเปอร์เบรกสีส้ม XPOWER
ภายในห้องโดยสารเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เน้นการใช้งานที่สะดวก เพื่อให้ดูโปร่งโล่งสบาย มาพร้อมความเหนือระดับ
· คอนโซลกลาง FLOATED CENTRAL CONTROL PLATFORM พร้อมอุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สาย (Wireless charger)
· ดีไซน์พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง
· พวงมาลัย ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ - วางสายโทรศัพท์
· กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ
· หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Dual Screen แบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-function Display) และหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ลำโพง 6 จุด
· ช่องจ่ายไฟ Power Outlet 12V
· รองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ สมาร์ทโฟนระบบ Android
· พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE A และ C
· ระบบกรองอากาศ PM2.5
· เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง
· เบาะนั่งด้านหลังพนักพิง ปรับ 60:40
· โหมด Intelligent Smart Access เมื่อผู้ขับขี่อยู่ในตำแหน่งคนขับ เพียงเหยียบเบรกระบบการทำงานของรถจะสตาร์ทอัตโนมัติ
· ให้ความสปอร์ตพรีเมี่ยมด้วยวัสดุที่ใช้หุ้มเบาะที่ผสมผสานระหว่างหนังสังเคราะห์และหนังอัลคันทาร่า (Alcantara)
ICONIC PERFORMANCE อีวีเลือดใหม่ที่ขับสนุก และเร้าใจ
เปิดมิติใหม่ให้กับการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้ากับ MG4 XPOWER ที่มาพร้อมกับสมรรถนะและการควบคุมที่เป็น “ต้นแบบและมาตรฐานใหม่ของรถ EV ที่ขับสนุกและเร้าใจกว่าที่เคย”
ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor จำนวน 2 ตัว โดยมอเตอร์หน้า กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (150 กิโลวัตต์) และมอเตอร์หลัง กำลังสูงสุด 231 แรงม้า (170 กิโลวัตต์) รวมให้พละกำลังสูงสุดที่ 435 แรงม้า (320 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ด้วยอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.8 วินาที
· สามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดที่ 200 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง
· มาพร้อมกับเทคโนโลยี RUBIK’s CUBE BATTERY ขนาดความจุ 64 kWh (NMC battery) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 480 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
· ระบบ One Pedal ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น และทำให้ระยะทางการขับขี่เสถียรยิ่งขึ้น
· แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น
· ระบายความร้อนด้วยระบบ LIQUID COOLING SYSTEM
· ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL WHEEL DRIVE
· ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 4 ระดับ ได้แก่ ระดับต่ำ กลาง สูง และแบบแปรผันตามการขับขี่ (ADAPTIVE)
· ระบบโครงสร้างพวงมาลัยรูปแบบใหม่ DUAL PINION ควบคุมด้วยไฟฟ้า
· รัศมีวงเลี้ยว 5.3 เมตร
· การกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร 50:50 ควบคู่กับการออกแบบลักษณะ Low Centre of Gravity ที่ให้จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำเพื่อการเกาะถนนที่ดีเยี่ยม
· ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบอิสระ 5-Link Suspension
· โหมดการขับขี่ 5 รูปแบบ ได้แก่ ECO, NORMAL, SPORT, CUSTOM และ SNOW
*ทดสอบตามมาตรฐานความประหยัดพลังงาน NEW EUROPEAN DRIVING CYCLE (NEDC)
ICONIC SAFETY ขับขี่อย่างมั่นใจในทุกเส้นทางกับระบบความปลอดภัยที่ครอบคลุม
MG4 XPOWER มาพร้อมระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) ปรับแต่งระบบช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION และมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยรอบคัน ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM 23 ระบบ ได้แก่
· ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
· ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
· ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
· ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
· ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
· ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
· ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
· ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
· ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
· ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
· ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System)
ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
· ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
· ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
· ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
· ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
· ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)
· ระบบช่วยเบรกขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Braking)
· ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
· ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
· ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
· ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
· ระบบ One Pedal ช่วยให้ขับขี่ได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังเสริมอุปกรณ์ความปลอดภัย อาทิ จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer และระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME)
EASY CHARGE ง่าย สะดวกสบาย ทุกการชาร์จ ด้วยสถานีชาร์จที่ครอบคลุม
MG4 XPOWER ทำให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบาย ด้วยระบบการชาร์จ 2 รูปแบบ รองรับทั้งแบบ Quick Charge และ Normal Charge พร้อมสถานีอัดประจุไฟฟ้าของเอ็มจี MG Super Charge ที่ติดตั้งแล้วกว่า 146 แห่งทั่วประเทศ
· ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% - 80% ใช้เวลาประมาณ 26 นาที* ที่ความเร็วสูงสุด 140 kWh
· ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG HOME CHARGER 10% – 100% ใช้เวลาประมาณ
6 ชั่วโมง 30 นาที* ที่สูงสุด 11 kWh
· รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า
*ระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือและกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า
พร้อมด้วย ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i–SMART ที่ช่วยยกระดับคุณค่าและประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถยนต์ เอ็มจี ที่ประกอบด้วย
ระบบตรวจเช็กอัจฉริยะ (Smart Check)
· ระบบตรวจสอบแบตเตอรี่ Battery Doctor บันทึกและวิเคราะห์ พฤติกรรมการใช้งาน พร้อมให้คำแนะนำ ในการดูแลรักษาแบตเตอรี่เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น
· ระบบสั่งการ และระบบค้นหารถ Find My Car
· ระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์
· ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
· ระบบตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ การชาร์จ และสถานีชาร์จ
ระบบสั่งการอัจฉริยะ (Smart Command)
· กุญแจดิจิตอล
· ระบบสั่งการผ่านเสียงภาษาไทย
· ระบบควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน
· ระบบโทรออก – รับสายกรณีฉุกเฉิน
· ระบบสั่งการชาร์จ สถานี MG SUPER CHARGE ผ่านทางสมาร์ทโฟน
ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Smart Connect)
· ระบบนำทาง Navigation พร้อมรายงานการจราจรแบบ Real Time
· ระบบช่วยค้นหาร้านอาหาร และที่พักบนแผนที่นำทาง
· อัพเกรดระบบผ่านออนไลน์
· ระบบเล่นเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่ง
· อัพเดทข้อมูลพยากรณ์อากาศ
· ระบบเรียกดูข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ปัจจุบัน
* อุปกรณ์ที่ติดตั้งจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น
NEW MG4 ELECTRIC กับประสบการณ์ความสนุกและเร้าใจที่คุณเลือกได้ ประเดิมเปิดตัวด้วยรุ่น XPOWER AWD ภายในสีดำ พร้อมหลังคาแบบทูโทน (Blacktop) กับสีตัวถังใหม่สีเขียว (Wild Hunter Green) พร้อมเผยโฉมต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในงาน MG Everyday Electric ระหว่างวันที่ 13-19 มีนาคมนี้ ที่ ลานโปรโมชั่น ฮอลล์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว พร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 25 มีนาคม 2567 ที่งานบางกอกอินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45