Last updated: 19 ก.พ. 2568 | 61 จำนวนผู้เข้าชม |
ในช่วงเปิดการแข่งขันฤดูกาลที่ 3 Ferrari ได้เปิดตัวเส้นสายและลายคาดบนตัวถังใหม่ของ Ferrari 499P รุ่นปี 2025 อย่างเป็นทางการ ที่จะใช้ในการแข่งขันใน FIA World Endurance Championship (WEC) ภายใต้สังกัดทีม Ferrari – AF Corse โดยรถ Le Mans Hypercar ทั้งหมายเลข 50 และ 51 ยังคงสืบสานตำนานแห่งชัยชนะและเกียรติประวัติของม้าลำพองแห่ง Maranello พร้อมทั้งนำองค์ประกอบการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Ferrari 312 PB กลับมาตีความใหม่
สำหรับฤดูกาล 2025 ทีมยังคงใช้รายชื่อนักขับเดิม โดยมีเป้าหมายในการคว้าแชมป์ประเภทผู้ผลิต (Manufacturers’ Championship) และประเภทนักขับ (Drivers’ Championship) พร้อมทั้งป้องกันตำแหน่งแชมป์ที่ Le Mans โดยมี Antonio Fuoco, Miguel Molina และ Nicklas Nielsen รับหน้าที่ขับรถแข่งหมายเลข 50 ในขณะที่ Alessandro Pier Guidi, James Calado และ Antonio Giovinazzi จะประจำการในรถแข่งหมายเลข 51 ทั้งสองคันยังคงใช้สเปคทางเทคนิคเดียวกับช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลที่ผ่านมา โดยฤดูกาล 2025 จะเปิดฉากขึ้นที่กาตาร์ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์
เส้นสายและลายคาด (Livery)
เส้นสายและลายคาดบนตัวถังของ Ferrari 499P ในปี 2025 ยังคงต่อยอดจากแนวทางดั้งเดิม แต่ได้รับการปรับปรุงให้โดดเด่นยิ่งขึ้น โทนสีหลักยังคงเป็นสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของม้าลำพองแห่ง Maranello ผสมผสานกับสี Giallo Modena ที่ได้รับการจดจำในฐานะโทนสีที่ทีมใช้หลังจากคว้าชัยชนะในการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans สองปีติดต่อกัน
ในการแข่งขันรอบแรกที่ประเทศกาตาร์ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ เส้นสายและลายคาดใหม่ของ 499P ไม่เพียงแค่เป็นการสดุดี Ferrari 312 PB ซึ่งเป็นรถ Sport Prototype คันสุดท้ายของ Maranello ก่อนที่ Ferrari จะเว้นว่างจากคลาสสูงสุดของการแข่งขัน endurance เป็นเวลากว่า 50 ปี ก่อนกลับมาอีกครั้งในปี 2023 แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงความก้าวหน้าของทีมออกแบบ Ferrari ด้วยแนวคิดที่ผสมผสานสีแดงในเฉดที่เข้มขึ้นจากยุครถแข่งในอดีต พร้อมกับการใช้สี Giallo Modena เพื่อเน้นเส้นสายของตัวรถ
สอดคล้องกับปรัชญาของม้าลำพอง 499P ในปี 2025 ยังคงก้าวต่อไปข้างหน้า โดยได้รับการสนับสนุนจากความคิดสร้างสรรค์ของนักออกแบบจาก Ferrari การออกแบบเส้นสายและลายคาดถูกพัฒนาใหม่ โดยผสมผสานสีแดง ซึ่งเป็นเฉดสีที่เข้มขึ้นโดยตีความใหม่จากสีที่เห็นได้มากมายในรถแข่งของ Ferrari ที่ใช้มาหลายทศวรรษ ตัดกับสี Giallo Modena ที่เน้นเส้นสายของตัวถัง
ตัวถังของ 499P มาพร้อมสีแดงเงา ซึ่งช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในสนามแข่ง โดยเฉพาะในการแข่งขันเวลากลางคืน เสริมด้วยรายละเอียดพื้นผิวด้าน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบของ Scuderia Ferrari HP ใน Formula 1
ห้องโดยสารของ 499P ยังคงมีแถบสีเหลืองเฉียงเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรุ่นนี้ตั้งแต่ปี 2023 แต่สำหรับเส้นสายและลายคาดในปี 2025 มีดีไซน์ที่แตกต่างจากฤดูกาลที่แล้วโดยขยายแถบสีเหลืองไปยัง side pods แทนที่จะอยู่แค่ที่ส่วนล่างของตัวถังด้านข้าง
การเลือกดีไซน์นี้ช่วยเพิ่มความโดดเด่นในแนวขวางของ side pods และช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ดูเพรียวลมและดุดันมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมองจากมุมสูง เช่นจากอัฒจันทร์ของสนาม เป็นการมอบประสบการณ์ใหม่ที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และน่าทึ่งแก่แฟนๆ
ตัวรถ (The Car)
ในการแข่งขันเปิดฤดูกาลที่กาตาร์ Ferrari 499P จะยังคงใช้สเปคเดียวกับช่วงการแข่งขันในสนามที่ 5 ของฤดูกาล 2024 ซึ่งมีการอัปเกรดทางเทคนิคครั้งใหญ่ครั้งแรก (joker update) ที่เปิดตัวในสนาม São Paulo ประเทศบราซิล โดยมีการปรับปรุงระบบระบายความร้อนของเบรก และเพิ่ม aero flicks ใต้ไฟหน้าเพื่อลดแรงต้าน
ช่วงพักฤดูหนาว ทีมได้ทำงานอย่างหนักทั้งในการทดสอบบนสนามและการจำลองในเครื่อง simulator เพื่อปรับแต่งทุกองค์ประกอบภายใต้ขอบเขตของกติกา ไม่เพียงแต่การเสริมประสิทธิภาพของตัวรถ (reliability) และการปรับปรุงให้เข้ากับข้อบังคับใหม่เท่านั้น แต่ยังเน้นพัฒนาความสามารถของทีมปฏิบัติการในสนามแข่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ระบบขับเคลื่อน (The Powertrain)
Ferrari 499P ขับเคลื่อนด้วยระบบ hybrid powertrain ที่ผสานขุมพลัง V6 twin-turbo วางกลางลำด้านหลังเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า (ERS - Energy Recovery System) ที่เพลาหน้า แม้จะเป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการออกแบบเฉพาะสำหรับการแข่งขัน แต่ก็มีพื้นฐานจากเครื่องยนต์ V6 twin-turbo ในรถใช้งานบนถนนทั่วไปของ Ferrari ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสนามแข่งสู่รถที่ผลิตมาใช้บนถนน
ภายใต้ข้อบังคับของ FIA WEC และ Formula 1 ในปัจจุบัน รถแข่งต้องใช้เครื่องยนต์ V6 turbo ควบคู่กับระบบไฮบริด 800V ซึ่งแนวคิดนี้ได้รับการสานต่อไปสู่ Ferrari F80 ซูเปอร์คาร์รุ่นล่าสุดของแบรนด์ ซึ่งใช้เครื่องยนต์ V6 และชิ้นส่วนหลายรายการที่พัฒนามาจาก 499P
ทีมแข่ง (The Team)
ทีม Ferrari – AF Corse ยังคงใช้รายชื่อนักขับชุดเดิมที่ลงแข่งขันในคลาส Hypercar ตั้งแต่ปี 2023
• รถแข่งหมายเลข 50 ซึ่งประกอบด้วย Fuoco, Molina และ Nielsen ที่คว้าชัยชนะใน 24 Hours of Le Mans 2024 และทำผลงานได้ยอดเยี่ยมตลอดสองฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยสถิติ 6 โพเดียมและ 3 Hyperpoles
• ส่วนหมายเลข 51 ยังคงเป็นหน้าที่ของ Pier Guidi, Calado และ Giovinazzi ผู้ชนะ Le Mans 2023 และเคยคว้าชัยชนะ 1 ครั้ง, ขึ้นโพเดียม 3 ครั้ง และ 1 Hyperpole
เป้าหมายของฤดูกาล 2025 (The Goals)
หลังจากจบอันดับสามในการแข่งขันประเภทผู้ผลิตปี 2024 และอันดับสองในปี 2023 ในปี 2025 นี้ Ferrari ตั้งเป้าหมายที่จะคว้าคะแนนให้ได้มากที่สุดในทุกสนามเพื่อชิงแชมป์โลกทั้งประเภทผู้ผลิตและนักขับ หากทำสำเร็จ ทีมม้าลำพอง จะคว้าแชมป์โลกการแข่งขัน Endurance Racing World เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1972 ซึ่งเป็นปีที่ Ferrari เคยคว้าแชมป์ในแชมป์โลกประเภทผู้ผลิตครั้งสุดท้าย
ปฏิทินการแข่งขัน (The Calendar)
การแข่งขัน FIA WEC 2025 จะเปิดฉากที่ Lusail International Circuit ในกาตาร์ โดยมีรอบ Prologue ในวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ และการแข่งขัน Qatar 1812 km ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ จากนั้นจะเดินทางไปยังสนามต่าง ๆ ได้แก่
• mola, Italy (20 เมษายน)
• Spa-Francorchamps, Belgium (10 พฤษภาคม)
• Le Mans, France (14-15 มิถุนายน)
• São Paulo, Brazil (13 กรกฎาคม)
• COTA, USA (7 กันยายน)
• Fuji, Japan (28 กันยายน)
• Sakhir, Bahrain (8 พฤศจิกายน)
ความคิดเห็นจากนักขับและทีมงาน Ferrari – AF Corse
Antonio Fuoco, 499P #50:
“ทีมของเรามีประสบการณ์มากขึ้นในปีนี้เมื่อเทียบกับฤดูกาลที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าเราได้ยกระดับการควบคุมและจัดการตัวรถให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงปรับแต่ง 499P ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลต่อสมรรถนะโดยรวม เป้าหมายของผมคือการคว้าแชมป์โลกประเภทผู้ผลิต (Manufacturers’ Championship) และประเภทนักขับ (Drivers’ Championship) รวมถึงพยายามป้องกันแชมป์ที่ Le Mans ให้ได้อีกครั้ง”
Miguel Molina, 499P #50:
“เป้าหมายของเราสำหรับฤดูกาล 2025 คือการต่อยอดจากสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาตลอดสองปีที่ผ่านมา การแข่งขันร่วมกับ Antonio และ Nicklas เป็นปีที่สามติดต่อกันจะเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เราทราบดีว่าระดับการแข่งขันในคลาสนี้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจึงต้องรักษาความสม่ำเสมอในทุกสนาม เก็บแต้มให้ได้มากที่สุด และหวังว่าจะสามารถขึ้นไปยืนบนโพเดียมอันดับหนึ่งให้ได้ในทุกการแข่งขัน”
Nicklas Nielsen, 499P #50:
“การคว้าชัยที่ Le Mans 2024 เป็นแรงผลักดันให้เราพยายามป้องกันแชมป์ 24 Hours of Le Mans อีกครั้ง แต่ผมคิดว่าเป้าหมายที่สำคัญไม่แพ้กันคือการคว้าแชมป์โลก ผมรอคอยการแข่งขันที่ Imola มากที่สุดนอกเหนือจาก Le Mans เพราะการได้แข่งที่อิตาลีในนามของ Prancing Horse เป็นสิ่งที่พิเศษเสมอ เมื่อคุณได้สวมชุดแข่งสีนี้ คุณจะรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Ferrari และการได้รับแรงสนับสนุนจากแฟน ๆ เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก”
Alessandro Pier Guidi, 499P #51:
“ตลอดช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา เราได้ทำการทดสอบสนามหลายครั้งและใช้เวลาทำงานใน simulator อย่างหนัก เพื่อพัฒนา 499P ให้สมบูรณ์แบบที่สุด ปฏิทินการแข่งขันในปี 2025 ยังคงเหมือนเดิมกับปีที่แล้ว ซึ่งเปิดโอกาสให้เราสามารถปรับแต่งทุกจุดที่เคยทำได้ดี และพัฒนาในสนามที่เคยเจอปัญหา ผมคาดว่าฤดูกาลนี้การแข่งขันจะเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม และหากเราต้องการคว้าแชมป์โลก เราจะต้องพัฒนาสมรรถนะของรถให้ดีขึ้นอีก พร้อมทั้งทำแต้มให้ได้ในทุกสนาม”
James Calado, 499P #51:
“ฤดูกาลที่แล้ว เราเป็นผู้นำการแข่งขันหลายครั้ง ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเรามีศักยภาพในการแข่งขันระดับสูง อย่างไรก็ตาม เรายังมีจุดที่สามารถพัฒนาได้อีก ฤดูกาล 2025 เรามองไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ เพราะเรารู้ถึงศักยภาพของ 499P และความแข็งแกร่งของทีม ซึ่งจะทำให้เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีสำหรับการชิงแชมป์โลก”
Antonio Giovinazzi, 499P #51:
“ฤดูกาลที่ผ่านมา เราทำผลงานได้ดีเยี่ยมและทีมของเราก้าวหน้าไปมาก เป้าหมายของเราสำหรับปี 2025 คือการเดินหน้าต่อไปในทิศทางนี้ เราทราบดีว่าเราคือทีมที่ยอดเยี่ยม แม้จะยังเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในคลาสสูงสุดของการแข่งขันแบบ endurance ก็ตาม 499P ได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่าเป็นรถที่รวดเร็วและสามารถไว้ใจได้ในทุกสถานการณ์ เราจะเรียนรู้จากข้อผิดพลาดในอดีต เพื่อตั้งเป้าคว้าชัยที่ Le Mans อีกครั้ง และแข่งขันเพื่อแชมป์โลกกับคู่แข่งระดับท็อป”
มุมมองจากผู้บริหาร Ferrari
Antonello Coletta, Global Head of Ferrari Endurance and Corse Clienti:
“ปี 2025 จะเป็นฤดูกาลที่สามติดต่อกันของเราที่ลงแข่งขันในคลาสสูงสุดของ FIA WEC เราต้องการต่อยอดจากผลการแข่งขันที่แข็งแกร่งของปีก่อน ๆ และเหนือสิ่งอื่นใดคือการทำให้ทีมมีความสม่ำเสมอมากขึ้น ในสองฤดูกาลที่ผ่านมา เรามีทั้งช่วงเวลาที่ดีและช่วงที่ท้าทาย – ปี 2023 เป็นปีที่เราเปิดตัวโปรแกรมนี้ และในปี 2024 ทีมยังคงต้องเรียนรู้และพัฒนาในคลาสที่เรายังใหม่อยู่
ปี 2025 จะเป็นโอกาสที่เราจะก้าวไปสู่แถวหน้าในการแข่งขันแชมป์โลก อย่างไรก็ตาม เรายังคงต้องถ่อมตัว เพราะเราแข่งกับผู้ผลิตหลายรายที่มีประสบการณ์ในคลาสนี้มายาวนานกว่าพวกเรา เราได้ทำการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในด้านโครงสร้างของทีม และผมเชื่อว่าเราก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น โดยเฉพาะในด้านความรู้ทางเทคนิคเกี่ยวกับตัวรถ อย่าลืมว่าการพัฒนา 499P เกิดขึ้นภายใต้ระยะเวลาที่สั้นมากก่อนการแข่งขันเปิดตัวในปี 2023 หากเรามีเวลามากกว่านี้ เราอาจเร่งกระบวนการเรียนรู้ได้เร็วขึ้น แต่เราต้องมาเรียนรู้กันไปในระหว่างการแข่งขันของฤดูกาล 2023 และ 2024 เราจึงพัฒนาขึ้นทั้งในด้านองค์ความรู้เกี่ยวกับตัวรถและการทำงานของทีม ไม่ว่าจะเป็นที่สนามแข่งหรือที่ Maranello ซึ่งทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของเรา”
Ferdinando Cannizzo, Head of Endurance Race Cars:
“ตลอดช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา เราได้ทำงานอย่างหนักกับตัวรถและเครื่องมือปฏิบัติการของเราเพื่อให้ทุกอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เราได้ปรับเปลี่ยนหลายจุดในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2024 ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามข้อบังคับการแข่ง Hypercar โดยการอัปเดตเหล่านี้แบ่งเป็นสามส่วนหลัก ๆ ประมาณครึ่งหนึ่งมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มศักยภาพของตัวรถ หนึ่งในสี่เป็นการอัปเดตตามข้อบังคับ และที่เหลือคือการปรับแต่งเพื่ออุดช่องว่างด้านสมรรถนะเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
แม้ว่าฤดูกาล 2025 จะไม่มีอัปเดตใหญ่ (joker update) ตามข้อบังคับ แต่ก็ยังมีหลายจุดที่สามารถพัฒนาได้ เราได้ทำงานอย่างหนักเพื่อขยายช่วงการปรับเซ็ตอัป รวมถึงทดลองแนวคิดใหม่ ๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากหลักอากาศพลศาสตร์ได้ดีขึ้น และปรับปรุงการทำงานของยางในทุกสภาพสนามควบคู่ไปด้วย นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นพัฒนาระบบควบคุมของรถอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตอบสนองต่อคำสั่งของนักขับได้แม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น”