Last updated: 4 พ.ย. 2562 | 2817 จำนวนผู้เข้าชม |
Porsche boxster spyder เป็นรถที่กำเนิดออกมาเพื่อปิดตำนานรถปอร์เช่สายพันธุ์บ็อกซเตอร์ ในบอดี้ 981 (MK I) โดยปัจจุบันสายพันธุ์บ็อกซเตอร์ กำลังจะออกบอดี้ MK II หรือโค้ด 718 ถือเป็นสเน่ห์และขนบธรรมเนียมของปอร์เช่ที่จะนำ legend เก่าๆ เข้าไปก่อนกำเนิดรุ่นใหม่ เจ้ากบเหลืองคันนี้ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากรถแข่งที่โด่งดังในอดีตของค่าย Porsche 718 spyder ปีค.ศ. 1960 ซึ่งมีรูปทรงรถเล็กกะทัดรัด พร้อมฝากระโปรงหลังที่เป็นทรงโดมมารับกับ rollover bars ที่อยู่หลังที่นั่งคนขับ และมีลีลาสุดพริ้วในสนามแข่งที่ไม่แพ้ใครในยุคนั้น
ด้านหน้าและด้านหลังของบอดี้บ๊อกซเตอร์ สไปเดอร์ เรียกได้ว่าเป็นพี่น้องฝาแฝดกับเคย์แมน GT4 เลยทีเดียวละคุณ เพราะทางทีมวิศวกรได้หยิบยืมบอดี้มาใช้ร่วมกันไปเลย รูปโฉมภายนอกจะแตกต่างก็กันเพียงบ๊อกซเตอร์ สไปเดอร์นั้น เป็นรถเปิดประทุน และไม่มีสปอยเลอร์เท่ห์ๆ แบบเคย์แมน GT4 กันชนหน้าไม่มี front lip ขนาดใหญ่ที่ยื่นยาวเหมือนอย่างของเคย์แมน GT4 และไม่มี side blade ตรงช่องดักอากาศที่อยู่ตำแหน่งหน้าล้อคู่หลัง แต่โดดเด่นและแตกต่างกว่าด้วยการออกแบบฝากระโปรงหลังแบบโดมคู่ ที่มาพร้อม rollover bar และจุดนี้ถือเป็นซิกเนเจอร์ของบ๊อกซเตอร์ สไปเดอร์ ที่ยากจะหาใครเปรียบ
ในฐานะที่รถซิ่งรุ่นนี้มาในชื่อ สไปเดอร์ (spyder) ดังนั้นมันต้องมีอะไรที่พิเศษกว่ารถปอร์เช่บ๊อกซเตอร์เดิมๆ ในไลน์อย่างแน่นอน ตัวถังใช้วัสดุอะลูมิเนียม-สตีล เป็นหลักช่วยให้น้ำหนักของรถคันนี้เบาขึ้น มีการปรับช่วงล่างในส่วนของโช๊คอัพให้เตี้ยลงอีก 20 มิลลิเมตร เพื่อเสริมสมรรถนะในการขับขี่ได้คล่องตัวขึ้นกว่าเดิม โดยรวมมีการปรับปรุงให้ขับได้สนุกขึ้นกว่า บ๊อกซเตอร์ GTS เพราะดีไซน์ตัวรถให้เบากว่า กว้างกว่า ปัญหาของการปิดเปิดหลังคาด้วยมือในรถ 987 Spyder ก็ได้รับการแก้ไขแล้ว หลังจากที่สาวกปอร์เช่รุ่นนี้ บ่นอุบว่า มันช่างยากจริงๆ กว่าจะกางหรือพับเก็บหลังคาได้หลายขั้นตอนเหลือเกิน..
สำหรับค็อกพิท (cockpit) ของเจ้ากบเหลืองคันนี้ยังคงสไตล์ที่สาวกปอร์เช่คุ้นเคยกันดี แต่มีการปรับเปลี่ยนให้มีความสปอร์ตมากขึ้นเล็กน้อยด้วยการเล่นสีแบบทูโทน ไล่ไปตั้งแต่คอนโซลหน้าโทนสีดำ ดูดิบๆ ตัดกับสีเหลืองในแบบ racing yellow สีเดียวกับบอดี้รถ โดดเด่นด้วยเข็มขัดนิรภัยสีเหลือง มีการเปลี่ยนมาใช้พวงมาลัยแบบ 360 มิลลิเมตรหุ้มด้วย Alcantara เช่นเดียวกับ GT3 RS และ เบาะคู่หน้ามาในรูปโฉมใหม่อัพเกรดมาจาก 918 spyder ในแบบ bucket seats วัสดุทำจากคาร์บอนไฟเบอร์หุ้มหนัง มีการเย็บตะเข็บสีเหลืองตัดกับตัวเบาะที่เป็นโทนสีดำ เรียกได้ว่ากลิ่นอายของ Track car มาเต็มเลยละ และที่พิงศีรษะก็มีโลโก้ spyder ช่วยให้ดูโดดเด่นขึ้น
ระบบส่งกำลังในรถรุ่นนี้ใช้งานเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ไม่มีเกียร์อัตโนมัติแบบ PDK มาให้เลือกเหมือนรุ่น บ๊อกซเตอร์ GTS ตำแหน่งด้านล่างของเกียร์เป็นแผงควบคุมแบบปุ่มกด โดยมีโหมดการขับขี่มาให้เล่น อาทิ SPORT, SPORT PLUS พร้อมปุ่มเปิดปิดควบคุมวาล์วเพื่อให้ท่อไอเสียงแผ่ดเสียงคำรามออกมา นอกจากนี้ก็มีปุ่ม traction control ช่วงล่างแบบ PSM ที่เป็นระบบควบคุมการขับขี่ สามารถเรียนรู้การขับขี่ผ่าน AI ทำให้รถเกาะถนนและเร้าใจมากขึ้น
สำหรับหัวใจของรถคันนี้ใช้ขุมกำลังเครื่องเบนซินวางกลาง 6 สูบนอน เครื่องยนต์มีความจุ 3.8 ลิตร ให้แรงม้าแบบจัดเต็มมาถึง 375 hp ที่ 6700 รอบ/นาที แรงกว่า บ๊อกซเตอร์ GTS ที่มีแรงม้า 330 hp ถึง 45 hp บ๊อกซเตอร์สไปเดอร์สามารถทำแรงบิดได้สูงสุด 418 นิวตันเมตร และเป็นที่รู้กันดีว่าในไลน์รถ
บ๊อกซเตอร์แรงม้าจะน้อยกว่าพี่น้องอย่างเคย์แมนเสมอ อย่างบ๊อกซเตอร์รุ่นนี้เทียบกับพี่น้องฝาแฝดเคย์แมน GT4 แรงม้าก็น้อยกว่าถึง 10 hp
ช่วงล่างนั้นระบบบังคับทิศทางใน Boxster Spyder จะนำมาจากรุ่น 991 เทอร์โบ (quicker rack) ใช้พวงมาลัยที่เหมือนกับ GT3 RS ขนาดเล็กเส้นผ่าศูนย์กลาง 360 มิลลิเมตร ถ้าจะให้เปรียบเทียบกับรุ่นน้องอย่าง บ๊อกซเตอร์ GTS ถือว่ามีช่วงล่างที่ดีกว่า เพราะทางทีมวิศวกรได้ทำการปรับโช๊คอัพ และตัวสปริงให้มีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าลองนำช่วงล่างของบ๊อกซเตอร์สไปเดอร์ไปเทียบกับเคย์แมน GT4 นั้น เอาเข้าจริงมันกันเทียบไม่ได้เลย เพราะส่วนของฐานล้อ และช่วงล่างที่พิเศษของเคย์แมน GT4 พี่เล่นหยิบยกช่วงล่างด้านหน้ามาจาก 911 GT3 ที่สร้างสรรค์โดย Andreas Preuninger หัวหน้าพัฒนาสายมอเตอร์สปอร์ตโดยตรงของปอร์เช่ ที่เรารู้กันดีกว่าเขาสร้างแต่รถรุ่นพิเศษให้ปอร์เช่เท่านั้น
ถึงแม้ช่วงล่างจะไม่เทพเท่าพี่เคย์แมน แต่ถ้าเรื่องความหล่อแบบรถเปิดประทุน เคย์แมน GT4 ก็สู้ไม่ได้เหมือนกัน ถือเป็นความเหนือชั้นของทีมการตลาดปอร์เช่ที่เน้นการออกแบบมาให้นักสะสมต้องเลือกสายในการเล่นรถ หรือไม่ก็จัดมันมาทั้ง 2 คันนั่นเอง โดยรวมแล้ว Porsche boxster spyder ถือเป็นรถสปอร์ตสายพันธุ์บ๊อกซเตอร์บอดี้ 981 (MK I) ที่ดีที่สุดในรุ่น มีเอกลักษณ์ของปอร์เช่สายพันธุ์บ๊อกซเตอร์ เน้นไปที่ความปราดเปรียว และขับสนุกพอให้อารมณ์การขับที่สุนทรีย์ สามารถใช้งานในแบบ daily-use ได้คล่องตัวกว่า เรียกว่าขับหล่อๆ ในเมืองได้แบบสบายใจ สำหรับรถรุ่นนี้มีการจำกัดจำนวนในการผลิต เรียกได้ว่า ‘เอ็กซ์คลูซีฟ’ สำหรับนักสะสมจริงๆ
5 ม.ค. 2565