Last updated: 19 พ.ย. 2562 | 718 จำนวนผู้เข้าชม |
เฟอร์รารี่ โรมา โดดเด่นด้วยภาพลักษณ์ที่เรียบง่ายสะอาดตา สัดส่วนที่ลงตัวและความสง่างามถูกผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน ดุลยภาพเหล่านี้เทียบเคียงได้กับรถแกรนด์ทัวริ่งเครื่องยนต์วางกลางด้านหน้าในตำนานอันโด่งดังของเฟอร์รารี่ ตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดคือรุ่น 250 จีที เบอร์ลิเนตต้า ลุสโซ และ 250 จีที แบบ 2+2 ที่นั่ง รถซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ เฟอร์รารี่ โรมา ขึ้นมา การออกแบบที่รวมความเป็นที่สุดแห่งความล้ำสมัย พร้อมความสละสลวยอย่างชัดเจนทั้งยังแฝงไว้ด้วยเส้นสายโฉบเฉี่ยวดุดันตามสไตล์ของเฟอร์รารี่เช่นเดิม
เฟอร์รารี่ โรมา ยังคงมีความเป็นเฟอร์รารี่อยู่ในทุกอณู และเป็นรถที่มีสมรรถนะดีที่สุดในคลาส ที่ทีมวิศวกรของเฟอร์รารี่ได้ร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในส่วนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนของสปอยเลอร์ที่ติดตั้งซ่อนอยู่ในกระจกหลังได้อย่างกลมกลืนแนบเนียน เพื่อคงความหรูหราของตัวรถเอาไว้ และสามารถให้ดาวน์ฟอร์ซมากพอที่จะรับมือกับสมรรถนะที่เหนือขั้นของเฟอร์รารี่ โรมา ด้วยการยกตัวสปอยเลอร์ขึ้นอัตโนมัติที่ความเร็วสูง
ยนตรกรรมคูเป้รุ่นล่าสุดจากค่ายม้าลำพองคันนี้ ใช้เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบ ผลิตกำลังได้ถึง 620 แรงม้า ที่ 7,500 รอบ/นาที ส่งให้มันเป็นรถที่มีพลังมากที่สุดเมื่อเทียบกับรถในคลาสเดียวกัน เครื่องยนต์ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกตระกูล V8 ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ International Engine of the Year ถึง 4 ปีซ้อน ตัวนี้ มาพร้อมกับระบบควบคุมแรงบูสต์แบบแปรผัน (Variable Boost Management) ช่วยให้คันเร่งตอบสนองได้ฉับไวในทุกจังหวะความเร็ว นอกจากนั้น ระบบไอเสียยังได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ด้วยการเปลี่ยนจากหม้อพักไอเสียมาเป็นการใช้บายพาสวาล์วแบบใหม่แทน
ชุดเกียร์ใหม่แบบ 8 สปีด คลัทช์คู่ มีขนาดกะทัดรัดยิ่งขึ้น ทั้งยังเบากว่าเกียร์ 7 สปีดรุ่นที่แล้วถึง 6 กิโลกรัม และไม่เพียงแค่ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงรวมถึงการปล่อยมลพิษเท่านั้น แต่ชุดเกียร์รุ่นใหม่นี้ยังเปลี่ยนจังหวะได้รวดเร็วและนุ่มนวลกว่าเดิม ส่งผลให้รถตอบสนองได้ฉับพลันเมื่อขับขี่บนถนนเปิดโล่ง ทว่าสะดวกสบายราบรื่นเมื่อใช้งานในเมืองที่มีการจราจรเคลื่อนตัวสลับหยุดนิ่งตลอดเวลา
โครงสร้างตัวถังของ เฟอร์รารี่ โรมา ใช้เทคโนโลยีซึ่งพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษโดยเฟอร์รารี่ เพื่อใช้ในสปอร์ตคาร์เจเนอเรชั่นใหม่รุ่นต่างๆ ข้อเท็จจริงก็คือ ชิ้นส่วนต่างๆ กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นแบบใหม่ทั้งหมด ดังนั้นทั้งตัวถังและแชสซีส์จึงได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับการลดน้ำหนักและเทคโนโลยีอันรุดหน้าเหล่านี้ นั่นทำให้ เฟอร์รารี่ โรมา เครื่องยนต์วางกลางด้านหน้ารุนนี้ เป็นรถที่มีอัตราส่วน น้ำหนัก/แรงม้า ดีที่สุดในคลาส (2.37 กก./แรงม้า) จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับควบคุมและการตอบสนองได้มากยิ่งขึ้น
เฟอร์รารี่ โรมา มาพร้อมระบบควบคุมประสิทธิภาพการทรงตัวอันล้ำสมัยของเฟอร์รารี่ ที่โดดเด่นอย่างยิ่งก็คือระบบควบคุมการลื่นไถลด้านข้างเวอร์ชั่น 6.0 (Side Slip Control 6.0) ซึ่งถือเป็นสปอร์ตคาร์จีทีคันแรกของเฟอร์รารี่ที่ใช้ระบบนี้ ด้วยสวิตช์มาเนตติโน 5 ตำแหน่ง และระบบเพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัว (Ferrari Dynamic Enhancer) ซึ่งจะควบคุมองศาการเอียงของตัวรถด้วยการปรับแรงดันน้ำมันเบรกที่คาลิเปอร์โดยตรง
การออกแบบตัวถังภายนอกของ โรมา เป็นฝีมือของ เฟอร์รารี่ สไตลิ่ง เซนเตอร์ (Ferrari Styling Centre) ที่เน้นดีไซน์อันเรียบหรู และแน่นอนว่ายังคงไว้ซึ่งองค์ประกอบของส่วนเว้าส่วนโค้งและความสง่างามที่ผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว รูปโฉมของตัวรถเริ่มจากเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวลากยาวจากฝากระโปรงหน้า ต่อเนื่องไปยังช่วยไหล่ของรถเพื่อเน้นแสงเงา ไปสู่ช่วงห้องโดยสารที่มีขนาดกะทัดรัดและลาดเอียงไปจรดท้ายรถ มีการลดรายละเอียดบางส่วนออกไปเพื่อเน้นย้ำสไตล์แบบมินิมอลให้เด่นชัดยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น กระจังหน้าแบบใหม่ที่มีช่องรับลมสำหรับระบายความร้อนหม้อน้ำ ซึ่งเจาะช่องเฉพาะบริเวณที่จำเป็นเท่านั้น ชุดไฟหน้าแอลอีดีแบบอะแดพทีฟ (Full-LED adaptive headlights) ถูกแบ่งครึ่งด้วยแถบไฟแนวนอนที่มี
โครงสร้างฝังลึกลงไปในตัวถัง เพิ่มความรู้สึกที่แข็งแกร่งตัดกับความโค้งมนของตัวรถโดยรวมได้อย่างลงตัว กระจกหลังที่โอบล้อมห้องโดยสารส่วนท้ายของรถ เก็บซ่อนสปอยเลอร์แบบแอคทีฟเข้าไว้ได้อย่างแนบเนียน เพื่อคงความเรียบหรูของตัวรถเอาไว้ ขณะที่ชุดไฟท้ายคู่ก็ถูกออกแบบให้ดูราวกับอัญมณีที่เปล่งประกาย
ทีมออกแบบจาก เฟอร์รารี่ ดีไซน์ เซนเตอร์ ได้พัฒนาห้องโดยสารของ เฟอร์รารี่ โรมา ให้มีรูปแบบที่แบ่งแยกฝั่งผู้ขับและผู้โดยสารออกจากกันเป็นสองส่วนอย่างชัดเจน วิวัฒนาการแนวคิดห้องโดยสารแบบคู่นี้ จะไม่ใช่เพียงแค่แดชบอร์ดเท่านั้นที่โอบล้อมห้องโดยสาร แต่เป็นทุกองค์ประกอบที่เชื่อมโยงต่อเนื่องกันอย่างกลมกลืน พวงมาลัยดีไซน์ใหม่ตามหลักปรัชญา “สายตาอยู่ที่ถนนเบื้องหน้า มือจับบนพวงมาลัย” ด้วยการควบคุมฟังก์ชันหลักๆ ได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส โดยผู้ขับไม่จำเป็นต้องละมือออกจากพวงมาลัย จอแสดงผลแบบดิจิตอลขนาด 16 นิ้ว สามารถให้ข้อมูลที่จำเป็นได้อย่างครบถ้วน ในขณะที่จอแสดงผลส่วนกลางขนาด 8.4 นิ้ว แนวตั้ง รวมทั้งจอฝั่งผู้โดยสาร ต่างก็ใช้งานได้อย่างสะดวกและทำความเขาใจได้ง่าย กุญแจแบบใหม่ของเฟอร์รารี่มาพร้อมกับฟังก์ชัน “Comfort Access” ช่วยให้ผู้ขับสามารถเปิดรถได้ด้วยการสัมผัสปุ่มซึ่งติดตั้งอยู่ถัดจากมือเปิดประตูแบบใหม่ที่แนบสนิทไปกับตัวรถ ปิดท้ายด้วยชุดไฟหน้าแบบเมทริกซ์แอลอีดี และระบบช่วยเหลือขณะขับขี่ (ADAS – Advanced Driver Assistance System) ซึ่งนั่นรวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบอะแดพทีฟที่จะมอบประสบการณ์ที่แสนสะดวกสบายให้กับการขับขี่ทางไกลได้อย่างเต็มพิกัด