Last updated: 26 ก.พ. 2563 | 1187 จำนวนผู้เข้าชม |
หนึ่งในนวัตกรรมที่โชว์ให้โลกได้เห็นวิสัยทัศน์อันเฉียบคมของ BMW ในงาน CES 2020 ที่ผ่านมา ต้องยกให้ระบบ "BMW i Interaction EASE" ที่จะทำให้รถสามารถโต้ตอบและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้งานได้ ยกมาตรฐานใหม่ในความฉลาดล้ำแบบก้าวกระโดด อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มันจะแสดงให้เห็นว่า ยานยนต์ไร้คนขับแห่งอนาคต จะถูกออกแบบให้มีรูปร่างและการทำงานอย่างไร
ยานยนต์แห่งโลกอนาคต จะสามารถโต้ตอบ และตอบสนองความต้องการ ให้กับคนขับและผู้โดยสารได้อย่างชาญฉลาด ภายนอกและภายในของตัวรถ จะถูกออกแบบให้ดูเรียบง่าย แต่ชวนให้หลงใหล โดยซ่อนความฉลาดในการโต้ตอบกับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สามารถรับรู้ความต้องการของผู้ใช้จากการสังเกตที่ "แววตา" นับเป็นนวัตกรรมก้าวกระโดดที่ทีมวิศวกรของ BMW สามารถทำให้รถยนต์ยุคหน้า ประดุจเหมือนมีชีวิตจิตใจ ที่สามารถคิดวิเคราะห์ได้ และโต้ตอบกับผู้ใช้อย่างน่าอัศจรรย์ รถยนต์สามารถเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคนขับ และผู้โดยสารที่ได้รับข้อมูลจากเซ็นเซอร์ตรวจจับภายในห้องโดยสาร ระบบจะตอบสนองกลับในรูปแบบของภาพ และเสียง ให้สอดคล้องตามสถานการณ์ เวลา และสถานที่อย่างเหมาะสม
นอกจากความฉลาดล้ำของ AI แล้ว ความล้ำหน้าของอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงภายในห้องโดยสาร ยังถูกยกระดับไปอีกขั้น ด้วยเทคโนโลยี Panorama Head - Up Display ที่สามารถแสดงผลกราฟฟิกข้อมูลต่างๆ กินเต็มพื้นที่ความกว้างของกระจกหน้าส่วนล่าง โดยใช้เทคนิคซ้อนภาพ กราฟฟิกเข้ากับภาพ จริงผ่านกระจกหน้า ในรูปแบบ Augmented - Reality ที่เราได้คุ้นเคยกับเทคโนโลยี นี้มาบ้างนั่นเอง ข้อมูลต่างๆที่ป๊อบอัพขึ้นเพื่อแสดงผล จะทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้ตื่นตาไปกับยุค 5G ที่ไร้ขีดจำกัดของความเป็นไปได้ เพราะไม่ว่าคุณจะกำลังขับรถผ่านไปที่ใดในเมือง ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยตึกระฟ้า ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ภัตตาคารโปรด ฯลฯ ข้อมูลต่างๆเหล่านั้น จะถูกแสดงขึ้นบนกระจกหน้า ในรูปแบบกราฟิกอันตระการตา
และนี้คือหนึ่งในนวัตกรรมที่ BMW มุ่งมั่นพัฒนาให้ยานยนต์ยุคใหม่เป็นยานยนต์ที่นอกจากจะไร้มลพิษแล้ว แถมยังฉลาดเป็นกรด ให้ความสะดวกสบายในการเดินทางสูงสุด และเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีไฮเทคที่จะทําให้การเดินทางเต็มไปด้วยความสุนทรี