พรีวิว การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการ FIA World Endurance Championship สนามที่ 2 Portimão (ประเทศโปรตุเกส)

Last updated: 16 มิ.ย. 2564  |  712 จำนวนผู้เข้าชม  | 

พรีวิว การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการ FIA World Endurance Championship สนามที่ 2 Portimão (ประเทศโปรตุเกส)

ทีมแข่งจากโรงงานปอร์เช่ เดินทางมาถึงการแข่งขันสนามที่ 2 ในรายการ FIA World Endurance Championship (WEC) ด้วยตำแหน่งผู้นำบนตารางคะแนนสะสม นับตั้งแต่ปฏิทินการแข่งขันใหม่ล่าสุดซึ่งได้บรรจุสังเวียนความเร็วที่ Portimão เอาไว้ในวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา บรรดาทีมงานและนักขับทุกคนต่างรู้สึกประทับใจในรายการการแข่งขันระดับโลกนี้ ทีมแข่ง Porsche GT มีการเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดีสำหรับภารกิจช่วงสุดสัปดาห์ใน Algarve ประเทศโปรตุเกส ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบขับ และการจำลองรูปแบบสถานการณ์การแข่งขัน บุคลากรของ Manthey ร่วมมือกันอย่างเต็มความสามารถเพื่อส่งรถแข่งปอร์เช่ 911 อาร์เอสอาร์ (Porsche 911RSR) ที่พกพาพละกำลังติดตัวกว่า 515 แรงม้า ทั้ง 2 คัน ลงกรำศึกในรุ่น GTE-Pro ในส่วนของนักแข่งบนรถแต่ละคัน ยังคงได้รับความไว้วางใจให้รับหน้าที่เดิมเช่นเดียวกับการแข่งขันรายการ Le Mans 24 ชั่วโมง ในเดือนสิงหาคม ตามมาด้วยรุ่น GTE-Am ซึ่งเป็นทีมแข่งอิสระ Dempsey Proton Racing และ Project 1 GR Racing ส่งรถแข่ง 911 รวมทั้งหมด 4 คัน ร่วมประลองสงครามความเร็วระยะยาวในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา


“หลังจากประสบผลสำเร็จครั้งใหญ่ที่ Spa-Francorchamps เรากำลังเดินหน้าต่อไปยังสนามที่ 2 ของฤดูกาลในฐานะผู้นำคะแนนสะสม เป้าหมายของเราค่อนข้างชัดเจน ในทันทีที่ธงตราหมากรุกโบกสะบัดหลังผ่านการขับเคี่ยวตลอด 8 ชั่วโมงบนแผ่นดินโปรตุเกส เราต้องการที่จะรักษาอันดับ 1 ในรุ่น GTE-Pro เอาไว้ต่อไปให้ได้” Pascal Zurlinden ผู้อำนวยการ Factory Motorsport อธิบาย “ทีมงานของเราทำงานอย่างหนักเพื่อเตรียมลงแข่งขันรายการ WEC ครั้งแรกใน Portimão ตอนนี้เราพร้อมลงสนามแล้ว การแข่งระยะยาว 8 ชั่วโมงในครั้งนี้ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมทีมให้สมบูรณ์แบบสำหรับรายการ Le Mans 24 ชั่วโมงในปีนี้ มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ทีมงานนักขับ วิศวกร และช่างเทคนิค ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น และส่งผลต่อการประสานงานที่ลื่นไหลทุกขั้นตอน”




เกี่ยวกับการแข่งขัน
สนาม Autódromo Internacional do Algarve มีทำเลที่ตั้งบริเวณเทือกเขา hinterland ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลของเมือง Portimão และ Lagos เซอร์กิตระยะทาง 4.684 กิโลเมตร แห่งนี้ เคยจัดการแข่งขัน Formula 1 มาแล้ว 2 ครั้ง ประกอบด้วยทางโค้ง 16 จุด และเนินเขาลาดชันทั้งขึ้นและลงอีกหลายตำแหน่ง ทางลาดลงเขาที่ชันที่สุดของสนามอยู่ที่ระดับมากกว่า 12% นักแข่งต้องรับมือกับโค้งอับสายตาและบ่อกรวดลึก ทางตรงยาวมากกว่า 969 เมตร ผ่านจุดสตาร์ท และเส้นชัย ซึ่งรถแข่งในรุ่น GTE-Pro สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง “การแข่งขันในประเทศโปรตุเกสที่ผ่านมา มีความพิเศษหลายประการ นับตั้งแต่การแข่งขันระยะยาว 8 ชั่วโมง ที่มีคะแนนสะสมและรางวัลมากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับรายการทั่วไปใน WEC อีกทั้งการลงสนามเป็นระยะเวลายาวนานมากกว่า 6 ชั่วโมง เป็นโอกาสที่ดีในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ครั้งใหญ่ของเรา สิ่งนี้ก่อให้เกิดแรงจูงใจที่ยอดเยี่ยม” ข้างต้นคือความคิดเห็นจาก Alexander Stehlig หัวหน้าส่วนปฏิบัติการ FIA WEC “โดยปกติเส้นทางบนสนามที่ Porti-mão เป็นที่ชื่นชอบของนักแข่ง ดังนั้นมันจึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะไว้วางใจทีมงานนักขับทั้ง 3 คน ซึ่งได้รับหน้าที่ทำการแข่งขันในรายการ Le Mans ลงสนามที่นี่ เราดีใจกับการแข่งขันครั้งแรกของ WEC ที่โปรตุเกส ที่เราจะได้ทำการทดสอบตัวเองให้พร้อมรับมือกับการแข่งขันระยะยาวสุดคลาสสิกที่กำลังตามมาในฝรั่งเศส ขณะนี้เรากำลังเดินหน้าเข้าสู่สุดสัปดาห์แห่งการแข่งขันด้วยความรู้สึกสมบูรณ์แบบเต็มพิกัด”

สนามที่ 2 ของการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการ World Endurance Championship จัดขึ้นที่ประเทศโปรตุเกส โดยรถแข่งแต่ละคันจะมีนักแข่งประจำการ 3 คน สลับสับเปลี่ยนกันลงสนามตลอดระยะเวลากว่า 8 ชั่วโมง นักแข่งทุกรายจะต้องใช้เวลายาวนานหลังพวงมาลัยรถแข่งปอร์เช่ 911 อาร์เอสอาร์ (Porsche 911 RSR) ในวันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งเดิมเป็นกำหนดการแข่งขันรายการ Le Mans 24 ชั่วโมง สำหรับฤดูกาลนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ FIA WEC ได้จัดการแข่งขันบนสนาม Algarve ประเทศโปรตุเกส ในส่วนของรายการระยะยาวสุดคลาสสิกครั้งที่ 89 ในฝรั่งเศส ได้รับการเลื่อนไปจัดในวันที่ 21/22 สิงหาคม หรือนับเป็นสนามที่ 4 ของ WEC ในปีนี้

นักแข่งสังกัดทีม Porsche GT
ในส่วนของรถแข่งปอร์เช่ 911 RSR หมายเลข 91 ทีมงานไว้วางใจในฝีไม้ลายมือของ Gianmaria Bruni และ Richard Lietz ชาวออสเตรีย สมทบด้วยหนุ่มฝรั่งเศส Frédéric Makowiecki ลงสนามขับเคี่ยวกับคู่ต่อสู้ตลอดระยะเวลา 8 ชั่วโมงในโปรตุเกส ทั้งนี้นักขับจาก Montpellier จะเข้าร่วมทีมในการแข่งขันที่ Le Mans ทางด้านเพื่อนร่วมชาติของเขา Kévin Estre และ Neel Jani จากสวิสเซอร์แลนด์ จะปฏิบัติงานด้วยการกุมบังเหียนรถแข่งหมายเลข 92 ร่วมกันกับนักแข่งชาวเดนมาร์ค Michael Christensen โดย Estre และ Jani คือผู้ชนะในรุ่น GTE-Pro จากสนามเปิดฤดูกาลที่ Spa-Francorchamps และยึดตำแหน่งผู้นำบนตารางคะแนนสะสมในปัจจุบัน

ทีมแข่งอิสระ
Dempsey-Proton Racing ส่งรถแข่งปอร์เช่ 911 อาร์เอสอาร์ (Porsche 911 RSR) 2 คันเข้าร่วมในรายการ WEC สนามที่ 2 ของฤดูกาล นักแข่งคือ Matt Campbell จากประเทศออสเตรเลีย ในรถแข่งหมายเลข 77 ผนึกกำลังนักขับเจ้าของทีม Christian Ried (เยอรมนี) และนักแข่งเยาวชนของปอร์เช่ Jaxon Evans จากประเทศนิวซีแลนด์ ทางด้านของนักแข่งหนุ่มมืออาชีพชาวฝรั่งเศสสังกัดทีมโรงงานปอร์เช่ Julien Andlauer และ Dominique Bastien จากประเทศอเมริกา รวมทั้ง Marco Seefried จากประเทศเยอรมนี จะรับหน้าที่ลงสนามด้วยรถแข่งหมายเลข 88 อีกหนึ่งทีมแข่งอิสระจากประเทศเยอรมนีเช่นกัน Project 1 GR Racing ส่งรถแข่งปอร์เช่ 911 RSR หมายเลข 56 ลงสนามด้วย Egidio Perfetti นักแข่งชาวนอร์เวย์ พร้อมคู่หูนักแข่งชาวอิตาเลียน Matteo Cairoli และ Riccardo Pera ในส่วนของ 3 นักขับสายเลือดอังกฤษ Michael Wainwright, Ben Barker และ Tom Gamble จะลงแข่งให้กับ GR Racing ในรถหมายเลข 86

นานาทัศนะจากนักแข่งก่อนลงสนาม
Richard Lietz (รถแข่งปอร์เช่ 911 RSR หมายเลข 91): “หลังจากประสบผลสำเร็จมาระดับหนึ่งด้วยรถแข่งหมายเลข 91 ของเราที่ Spa-Francorchamps ถึงตอนนี้เราต้องการทำคะแนนสะสมให้สูงที่สุด สนามนี้รับรองได้เลยว่าจะต้องมีเหตุการณ์ตื่นเต้น รวมทั้งความท้าทายพิเศษมากมายสำหรับทีมงานและนักแข่ง ความทนทานของยางเมื่อต้องเจอกับสภาวะที่แตกต่างกันทั้ง 2 รูปแบบคือสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในเชิงเทคนิค แต่ผมเชื่อว่าเรามีการเตรียมตัวที่ดีพอ”


Gianmaria Bruni (รถแข่งปอร์เช่ 911 RSR หมายเลข 91): “การเข้าร่วมแข่งขันเป็นครั้งแรกในรายการ WEC ที่ Por-timão คือความยิ่งใหญ่ ผมชอบการได้พบกับความท้าทายใหม่ๆ บนสนาม เมื่อเราค้นพบการปรับแต่งรถแข่งที่ลงตัว มันจะช่วยให้มีการยึดเกาะสูงสุดถึงแม้จะเป็นการเทโค้ง หรือพุ่งลงจากยอดเนิน และนั่นจะทำให้เราแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ในโปรตุเกส ทีมงานของเราเปี่ยมล้นไปด้วยประสบการณ์และคุ้นเคยกับสนามจากการทดสอบ หลังจากรถแข่งอีกคันในทีมของเราเอาชนะได้ในสนามเปิดฤดูกาลที่ประเทศเบลเยี่ยม ตอนนี้เราเองต้องการที่จะขึ้นไปยืนบนหัวตารางด้วยรถแข่งหมายเลข 91 เช่นเดียวกัน”

Frédéric Makowiecki (รถแข่งปอร์เช่ 911 RSR หมายเลข): “ช่างเยี่ยมยอดที่ WEC ได้รวมเอาการแข่งขัน 8 ชั่วโมง ลงในรายการนี้ นับเป็นการเตรียมพร้อมที่ดีก่อนจะถึงไฮไลท์ของฤดูกาลที่ Le Mans สิ่งนี้ช่วยให้ผมสร้างความคุ้นเคยกับรถแข่งปอร์เช่ 911 อาร์เอสอาร์ (Porsche 911 RSR) และกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติงานในทีมอีกครั้ง เช่นเดียวกับ Michael ผมคิดว่ารถแข่งของเราจะทำได้ดีในสนามที่ท้าทายแห่งนี้และผมมั่นใจว่าท้ายที่สุดจะสามารถขับรถแข่งในรุ่น GTE ให้กับปอร์เช่ได้อีกครั้ง”



Kévin Estre (รถแข่งปอร์เช่ 911 RSR หมายเลข 92): “Portimão เป็นสนามที่ดีจริงๆ มีเส้นทางที่เป็นราวกับรถไฟเหาะ จากโค้งลับสายตาและองค์ประกอบอื่นๆ ที่เร้าใจอีกมาก มีเหลี่ยมมุมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว สิ่งนี้ส่งผลให้รถแข่งวิ่งฉวัดเฉวียนไปมาอยู่ตลอด เราจึงต้องค้นหาการปรับแต่งตัวรถที่ดีที่สุด เพื่อให้มั่นใจว่ารถแข่งปอร์เช่ 911 อาร์เอสอาร์ (Porsche 911 RSR) ของเราจะยังคงเสถียรภาพสูงสุดเท่าที่ทำได้ขณะเบรก ผมรู้สึกเชื่อมั่นว่าเราจะทำผลงานได้ดีที่โปรตุเกส”
Neel Jani (รถแข่งปอร์เช่ 911 RSR หมายเลข 92): “ผมรู้จักเส้นทางของสนามจากการวิ่งทดสอบครั้งหนึ่ง ซึ่งเราใช้รถแข่งปอร์เช่ 919 ไฮบริด (Porsche 919 Hybrid) คันที่เคยเอาชนะรายการ Le Mans นั่นคือเมื่อปี 2013 มันผ่านมาสักพักแล้ว ย้อนกลับไปตอนนั้นพื้นผิวยางมะตอยค่อนข้างขรุขระ แต่มันได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อรองรับการแข่งขัน Formu-la 1 ครั้งแรกของสนาม ดังนั้นมันคงมีการสั่นสะเทือนที่น้อยลง ยางรถยนต์จะเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในโค้งสุดท้าย ซึ่งจะติดตามมาด้วยทางตรงยาวผ่านเส้นชัย บริเวณของสนามที่ล้อรถยนต์จะต้องรับภาระสูงสุด”

Michael Christensen (รถแข่งปอร์เช่ 911 RSR หมายเลข 92): “การลงสนามครั้งล่าสุดหลังพวงมาลัยรถแข่งปอร์เช่ 911 RSR ของผมผ่านมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว มันเกิดขึ้นที่สนามสุดท้ายในฤดูกาล 2020 ที่ Bahrain เรามีโอกาสได้วิ่งทดสอบเพียงไม่กี่ครั้ง ดังนั้นผมจึงรู้สึกเหมือนได้กลับมาคืนสู่บ้านของตัวเองในทันทีที่สัมผัสกับรถคันนี้ สนามแข่งที่โปรตุเกสเต็มไปด้วยความน่าอัศจรรย์ เช่นเดียวกับที่ Spa-Francorchamps สภาพโดยรอบของสนามที่มีระดับความสูงที่ไม่คงที่ ส่งผลให้การขับขี่เปรียบเสมือนการนั่งรถไฟเหาะ นั่นคือความท้าทาย และความสนุกสนานสำหรับนักแข่งอย่างเรา”

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้