5 นวัตกรรมจาก BMW เพื่อสรรสร้างรถยนต์จากอนาคตที่รับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อม จากการใช้วัสดุที่เป็นมิตรมาทดแทน เปลี่ยนวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

Last updated: 24 พ.ย. 2565  |  1180 จำนวนผู้เข้าชม  | 

5 นวัตกรรมจาก BMW เพื่อสรรสร้างรถยนต์จากอนาคตที่รับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อม จากการใช้วัสดุที่เป็นมิตรมาทดแทน เปลี่ยนวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

ตลอดระยะเวลามากกว่า 100 ปีของการก่อตั้ง ความยั่งยืนคือสิ่งที่บีเอ็มดับเบิลยูให้ความสำคัญไม่แพ้กับความล้ำหน้า และสุนทรียภาพในการขับขี่ 5 นวัตกรรมที่เราคัดสรรมาเล่าให้ฟัง จากงาน “Sustainability through Innovation 2022” ที่มิวนิก เยอรมนี ซึ่งนำเสนอแนวคิดและความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีต่างๆ ที่บีเอ็มดับเบิลยูนำมาใช้ เพื่อนำไปสู่การทำธุรกิจที่ใช้พลังงานและทรัพยากรลดลง สะท้อนความรับผิดชอบต่อสังคมและการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ภูมิอากาศ และคุณภาพชีวิต


1.แบตเตอรี่ทรงกลมสำหรับรถ NEUE KLASSE

แบตเตอรี่ทรงกลมเวอร์ชันที่ 6 ของ BMW eDrive ซึ่งจะถูกใช้กับรถยนต์ไฟฟ้ากลุ่ม NEUE KLASSE ที่จะเปิดตัวในปี 2025 เป็นนวัตกรรมล่าสุดของบีเอ็มดับเบิลยู ด้วยเซลล์ทรงกลมที่ออกแบบสถาปัตยกรรมไฟฟ้าแบบใหม่ ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานได้มากกว่า 20% ในพื้นที่เท่ากัน

ความเร็วในการชาร์จเพิ่มขึ้นสูงสุด 30% และเพิ่มระยะทางได้อีก 30% (ตามมาตรฐาน WLTP) การผลิตแบตเตอรี่ทรงกลมแบบนี้ มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าการผลิตแบตเตอรี่แบบเดิมมากกว่า 50% ที่สำคัญยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนลง 60% เมื่อเทียบกับการผลิตเซลล์แบตเตอรี่รุ่นปัจจุบัน



2.เครื่องหนังวีแกน

บีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ป ร่วมมือกับบริษัท Adriano di Marti สตาร์ทอัพสัญชาติเม็กซิกัน เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมในการผลิตหนังทางเลือกด้วยวัตถุดิบชีวภาพ ในอนาคตอันใกล้จะมีการนำวัสดุ Mirum ผลิตจากเส้นใยพืชที่รีไซเคิลได้ 100% และ DeserttexTM  ซึ่งได้จากเส้นใยของต้นกระบองเพชรและโพลิยูรีเทนชีวภาพ มาใช้หุ้มพวงมาลัยรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูบางรุ่น

วัสดุนี้มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับหนังแท้ มีความนุ่ม แต่แข็งแรงและยืดหยุ่น ให้ความรู้สึกพรีเมียมไม่ต่งจากเดิม ซึ่งการเลือกใช้วัสดุทดแทนหนังสัตว์แบบนี้ จะให้รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูหนึ่งคันมีชิ้นส่วนที่มาจากสัตว์ไม่ถึง 1% และเทียบกับปศุสัตว์แล้ว ฟาร์มกระบองเพชรรักษ์โลกกว่าหลายเท่า เพราะกระบองเพชรช่วยดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เติบโตได้โดยไม่อาศัยน้ำมากนัก แถมไม่ปล่อยก๊าซมีเทนเหมือนสัตว์ และหนังที่ได้ก็ไม่ต้องนำมาฟอก ไม่เกิดน้ำเสียให้ต้องบำบัด รวมๆ แล้วทั้งกระบวนการผลิตปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าการผลิตหนังแบบเดิมถึง 85%

3.พลาสติกจากซากอวน 
ด้วยความตั้งใจที่จะลดปริมาณขยะและไมโครพลาสติกในท้องทะเล บีเอ็มดับเบิลยูมุ่งมั่นวิจัยสร้างวัสดุใหม่จากสิ่งที่เคยเป็นขยะ นำมาสู่การนำอวนหาปลาเก่า และขยะไนลอนจากอุตสาหกรรมการเดินเรือ มารีไซเคิลเป็นวัสดุใหม่ที่เรียกว่า ECONYL ซึ่งหลายคนได้สัมผัสกันแล้วในรูปแบบของพรมปูพื้นใน BMW iX และ The New BMW X1

เม็ดพลาสติกรีไซเคิลที่ได้จากการวิจัย ยังจะถูกใช้ฉีดขึ้นรูปเป็นชิ้นส่วนทั้งภายนอกและภายในของ BMW รุ่น NEUE KLASSE  ในสัดส่วนประมาณ 20% ของวัสดุในการผลิตรถทั้งคัน และเพิ่มเป็น 40% ภายในปี 2030

ด้วยกรรมวิธีเหล่านี้นอกจากจะลดขยะในทะเลแล้วยังลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 25% เมื่อเทียบกับการผลิตเม็ดพลาสติกแบบเดิม

 

4.เบาะนั่งจากวัสดุรีไซเคิล

เพราะผิวสัมผัสของเบาะที่นั่งมีความสำคัญอย่างมากในการรับรู้ถึงบรรยากาศของผู้ขับขี่ บีเอ็มดับเบิลยูจึงมุ่งพัฒนาเบาะที่นั่ง ที่มอบสุนทรียภาพทั้งในด้านรูปทรง และวัสดุศาสตร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และพยายามใช้ประโยชน์จากวัสดุรีไซเคิลแบบหมดจด จนได้เบาะที่นั่งต้นแบบออกมามากมายหลายรูปแบบ

3D Knit Seat Concept เป็นเบาะที่นั่งซึ่งสร้างขึ้นจากวัสดุรีไซเคิล 100% ที่ทอเส้นใยจากวิธีการถักแบบ 3 มิติ ซึ่งแทบไม่มีของเสียจากการผลิต และใช้เวลาน้อยกว่ากระบวนการผลิตทั่วไป ตัวเบาะมีคุณภาพสูง ผ้าที่สร้างขึ้นโดยใช้วิธีการถักแบบ 3 มิติให้ความนุ่มสบายและมีลวดลายสวยงาม และยังไร้ตะเข็บ

Infinite Loop Seat Concept เป็นเบาะนั่งที่โดดเด่นด้วยการใช้วัสดุรีไซเคิล เศษสิ่งทอซึ่งถูกแปรรูปเป็นเส้นด้ายสังเคราะห์  กระบวนการผลิตใช้น้ำในการผลิตน้อยกว่าการปั่นฝ้ายประมาณ 98% และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 80% เมื่อเทียบกับกระบวนการผลิตเส้นใยโพลีเอสเตอร์แบบเดิม ส่วนโครงแข็งของพนักพิงทำจากวัสดุที่เหลือจากอุตสาหกรรมพลาสติก หรือจากโฟมที่นั่งของรถยนต์เก่าที่หมดอายุการใช้งาน นอกจากนี้ วัสดุคอมโพสิตที่ทำจากฝุ่นและขยะโพลีสไตรีนยังสามารถใช้สำหรับการผลิตพนักพิงที่นั่งแบบประหยัดทรัพยากรได้

Grown Innovation Seat Concept เป็นแนวคิดของเบาะนั่งที่ผสมผสานสิ่งทอสังเคราะห์ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล 100 % กับเส้นใยธรรมชาติและวัสดุชีวภาพชนิดใหม่ที่ได้จากแบคทีเรียนาโนเซลลูโลส ส่วนประกอบอื่นของพื้นผิวเบาะ Grown Innovation ประกอบด้วยวัสดุสิ่งทอสังเคราะห์ที่ผลิตโดยใช้กระบวนการพิมพ์ 3 มิติ ที่ตอบสนองจินตนาการนักออกแบบได้อย่างไม่มีข้อจำกัดทั้งรูปทรงและสีสัน ส่วนของพนักพิงที่เป็นลายไม้ ผลิตจากเส้นใยพืชโตเร็วที่ปล่อยคาร์บอนต่ำอีกด้วย

 

5.เทคโนโลยี EfficientDynamics

บีเอ็มดับเบิลยูเปิดตัวเทคโนโลยี EfficientDynamics เมื่อปี 2007 โดยมีเป้าหมายลดการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ขณะเดียวกันก็ไม่ลดทอนสุนทรียภาพในการขับขี่อื่นๆ พูดง่ายๆ คือรถแรงเท่าเดิมหรือมากกว่าเดิม แต่รักษ์โลกมากขึ้น

BMW EfficientDynamics เกี่ยวข้องกับการจัดการพลังงานและความร้อน การออกแบบแอโรไดนามิกส์ การลดแรงเสียดทานในชิ้นส่วน การลดน้ำหนักด้วยโครงสร้างเทคโนโลยีขั้นสูงน้ำหนักเบา ทั้งหมดนี้ทำให้รถยนต์ของ BMW ลดการปล่อย CO2 ลงได้ 53 % เมื่อเทียบระหว่างปี 1995 ถึง 2020

ปัจจุบันแนวคิด BMW EfficientDynamics ยังคงถูกใช้งานแม้จะเปลี่ยนผ่านมาสู่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า BMW iX xDrive50 สร้างสถิติใหม่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่ม Sports Activity Vehicle (SAV) ที่ทดสอบโดยนิตยสาร Edmunds โดยใช้พลังงานเพียง 21.1–20.7 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/100 กิโลเมตร ในขณะที่ BMW i4 M50 ก็ใช้พลังงานเพียง 22.5–18.0 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/100 กิโลเมตร

 

 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้