Last updated: 4 พ.ย. 2562 | 2671 จำนวนผู้เข้าชม |
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 BMW เปิดตัวรถยนต์ BMW M4 DTMChampion Edition ซึ่งเป็นรถที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียงแค่ 200คันในโลกเท่านั้น สร้างมาเพื่อลงแทร็ค เท่านั้น แต่ขอเตือนว่า อย่าหวังความสบายจากรุ่นนี้ BMW M4 DTM Champion Editionเป็นรถที่เลือกนาย เพราะอย่างที่กล่าวไป นอกจากไม่มีความสบายแล้ว คันนี้ เป็นรถที่มีความดิบ หยาบ แข็งกระด้าง แต่สามารถตอบโจทย์สำหรับคนที่คลั่งและบ้าในมอเตอร์สเปอร์ต จึงเป็นรถที่ตอบสนองบุคลิกของคนที่ไม่ใช่คนนุ่มนวลแน่นอน คันนี้ เป็นรถที่มีเงินแล้วซื้ออย่างเดียวไม่ได้ เพราะคุณต้องมีความบ้าคลั่งที่จะออกตัวด้วยสัญชาติญาณนักแข่งตลอดเวลา พูดง่ายๆคือ มันคือ Track Weapon ที่พร้อมจะตะบันมันไปบนผิวแทร็คที่ถ้าทายอย่างหิวกระหายโดยเฉพาะทางโค้งที่มันพร้อมจะดื้อแพร่งต่อคนขับตลอดเวลา รวมถึงทางตรงที่ต้องใช้ความเร็วสูง
สำหรับใครที่อยากจะรู้ว่าภายในห้องโดยสารของ BMWM4 DTM Champion Edition
เหมือนกับปกติหรือไม่ ตอบได้คำเดียวว่า ลืมเรื่อง เหล่านั้นไปเลย ทุกๆส่วนภายในห้องโดยสารห่อหุ้มด้วยหนังอัลคันทาร่าทั้งหมดซึ่งนับว่า เป็นหนังที่สามารถกันไฟได้อย่างดีเยี่ยม แต่สำหรับคนที่คิดจะพาเพื่อนฝูงนั่งไปด้วย ตอบได้เลยว่า จะมีแค่ที่นั่งโดยสารข้างคนขับ 1 ที่นั่งเท่านั้น เพราะว่า เบาะหลัง ถูกรื้อ ออกไปหมด เพื่อให้รถยนต์มีน้ำหนักเบาขึ้น ซึ่งเบาะรถเป็นแบบ M Carbonbucket seats หุ้มด้วยหนังอัลคันทาร่า
นอกจากนี้ ภายในห้องโดยสาร มีการเสริม โรลล์บาร์ เข้าไป เพื่อสร้างความสมดุลย์ให้กับรถขณะที่ทำความเร็วสูง พวงมาลัยเป็นแบบ M Steering wheel หุ้มด้วยหนังอัลคันทาร่า มีเซนเตอร์ไกด์ คอยบอกตำแหน่งของล้อ และที่สำคัญ คนที่นั่งไปกับคุณ ต้องเป็นคนที่ พร้อมจะพุ่งทะยานไปกับคุณด้วยความบ้าคลั่งเท่านั้น
รูปลักษณ์ภายนอกของ BMW คันนี้ คือ สี AlphineWhite คาดกราฟฟิคลาย M livery จากบริเวณฝากระโปรงรถ ไปจนถึงสปอยเลอร์หลัง ขณะที่ มี ชุดแอโร คิท ที่ทำจาก คาร์บอนไฟเบอร์ ทั้งหมด ไล่ตั้งแต่ ช่องดักอากาศบริเวณกันชน ครีบ บริเวณด้านข้างกันชน รวมไปถึงด้านข้างรถทั้งสองฝั่ง เช่นเดียวกับ สเกิร์ต, ดิฟิวเซอร์หลัง รวมไปถึง สปอยเลอร์ ที่ออกแบบให้ใหญ่ เพื่อมีแรงกดสูง ขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็ว เรียกได้ว่า ทั้งหมดนี้ถอดแบบรถแข่งออกมาทั้งหมด
ซึ่งความเร็วแบบนี้ จึงต้องจับคู่กับยางระดับเทพ Michelin Pilot Sport Cup 2 ซึ่งเป็นยางที่ใช้สำหรับลงสนามโดยเฉพาะ แต่ก็ถูกรับรองให้ใช้บนถนนทั่วไปได้ โดยยางคู่หน้า มีขนาด 265/35 R19 คู่หลังมีขนาด 285/30 R20 ส่วนล้ออัลลอย เป็นลาย star-spoke 666 M design สีเทาด้าน ส่วนระบบ
เบรกนั้นเป็นแบบ M carbon-ceramic braking system ซึ่งเป็นเบรกที่ใช้เฉพาะในสนามแข่งรถเท่านั้น
ส่วนเทคโนโลยีที่เด่นอื่นๆมีการใช้ไฟหน้า เป็นระบบ adaptive LED ส่วนไฟท้ายนั้น เป็นระบบ OLED นอกจากนี้ยังลดน้ำหนักรถด้วยการใช้วัสดุ carbon - fibre - reinforced plastics (CFRP) ตามส่วนต่างๆอาทิ ฝากระโปรงหน้า หลังคา โครงต่อแผงคอนโซล และแผงรีดลมออกท้ายรถ (diffuser)
ความพิเศษที่ผลิตเพียงแค่ 200 คันในโลก ซึ่งการที่ BMW ผลิต Edition นี้ออกมาเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองที่ M4 คว้าแชมป์ DTM championship ที่ Hockenheimring ซึ่ง ขับโดยมาร์โก้ วิตต์มันน์ ที่สามารถนำ M4 DTM คว้าแชมป์ฤดูกาลได้เป็นปีแรกทั้งๆที่ทีมเพิ่งจะเปลี่ยนรถเป็นปีแรกเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นวิตต์มันน์ ยังได้สร้างชื่อเสียงให้กับ M4 DTM อีกครั้ง แม้ว่าในปี 2015 พลาดแชมป์ แต่ก็สามารถทวงบัลลังก์แชมป์คืนได้อีกครั้งในฤดูกาล 2016
Frank van Meel ซีอีโอ ของ BMW M GmbH บอกว่า "เราขอยินดีกับ มาร์โก้ วิตต์มันน์ และทีม RMG รวมไปถึงทีมนักขับ BMW ทั้งหมด การผลิต BMW M4 DTM Champion Edition ขึ้นมา เพราะเราได้แรงบันดาลใจจากพวกเขาเหล่านี้ที่ทุ่มเททั้งแรงใจและแรงกายและเพื่อเป็นเกียรติแก่ มาร์โก้ วิตต์มันน์ นักแข่งของเราที่คว้าแชมป์ DTM ได้สองสมัย จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีรถคันไหนใน edition ของเรา ได้แรงบันดาลใจและการออกแบบโดยได้สไตล์จากรถแข่ง DTM แบบคันนี้อีกแล้ว"
5 ม.ค. 2565